Loading

 

งานของผู้หญิง

 

- ง า น ข อ ง ผู้ ห ญิ ง -

muslimah_in_fairy_tale_13_by_muslimahbeauty-d4ceqe8

“ขอฝากถึงพี่น้องมุสลิมะฮฺที่ยังไม่มีครอบครัวว่า ให้ขวนขวายทำงานศาสนาอย่างเต็มความสามารถเสียแต่ตอนนี้ เพราะต่อไปเมื่อมีครอบครัว…โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเจ้าตัวน้อยแล้ว คุณจะไม่มีเวลาทำงานอะไรได้อีกเลย”

ประโยคนะซีฮะฮฺเช่นนี้หรือทำนองนี้ฟังดูคุ้นหูยิ่ง อาจบางทีฉันเองก็คงเคยเป็นหนึ่งในหมู่ผู้ผลิตและเผยแพร่มัน ทว่าเมื่อหันกลับมามองใหม่ในวันนี้ ขณะชีวิตก้าวกระเถิบขึ้นไปอีกขั้น บริบทและบทบาทของตัวเองก็เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและกำหนดการณ์ของผู้ทรงกำหนด ฉันกลับรู้สึกกังขาในบางส่วนของประโยคเตือนใจดังกล่าว

คงถูกและไม่ขอเถียงสำหรับคำเกริ่นนำในตอนต้นที่ส่งตรงไปถึงชาวคนโสดให้เร่งมือทำงาน (นัยหนึ่งก็คืออย่าหมกหมุ่นกับเรื่องสละโสดมากเกินไปนัก ซึ่งเฉพาะส่วนความหมายโดยนัยนี้คงจะต้องใช้เวลาอภิปรายถึงนิยาม ขอบเขตและเนื้อหาอื่นๆ ในลำดับต่อๆ ไป) ใช่แหละที่ขณะยังไม่มีครอบครัวนั้น มันคือช่วงชีวิตที่อิสระที่สุดแล้วสำหรับผู้หญิง ถ้าไม่ขวนขวายทำงาน หาความรู้ และอะไรต่อมิอะไรที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเองและสังคมให้เต็มที่ในช่วงนี้ คงหวังยากที่จะไปเต็มที่กับงานการเคลื่อนไหวได้ในช่วงชีวิตอื่น

แต่เหตุผลมิใช่เพราะว่าพอคุณแต่งงานมีครอบครัวแล้ว คุณจะหมดโอกาสทำงานศาสนา นี่น่าจะเป็นความเข้าใจที่ผิดและบั่นทอนกำลังใจของมุสลิมะฮฺผู้มีครอบครัวแล้วอย่างยิ่ง ทั้งที่จริงแล้วพวกเธอเหล่านั้นกำลังทำงานศาสนาอยู่ทุกวัน ใครกันบอกว่าภารกิจการการสร้างครอบครัว ปรนนิบัติสามี ดูแลลูกน้อยและบ้านช่องห้องหับ ไม่ใช่งานศาสนา?

เราจำเป็นต้องมอง “งานศาสนา” ให้กว้างและครอบคลุมกว่าภาพการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวตามสถานที่ต่างๆ การจับปากกาหรือไมโครโฟนเพื่อส่งสารต่อไปถึงผู้คนนับสิบนับร้อย รวมถึงการนั่งจิ้มอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคเพื่อเผยแผ่เนื้องานเกี่ยวกับอิสลามให้กระจายไปในโลกไซเบอร์อันไร้พรมแดน แน่นอนว่าเหล่านี้คือการทำงานเพื่ออิสลาม แต่ไม่ใช่แค่นี้ ลูกสาวที่คอยปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่แก่เฒ่า ภรรยาที่รักษาดูแลตัวเองเพื่อเตรียมต้อนรับสามีนักทำงานกลับบ้านด้วยความรมย์รื่นชื่นใส และแม่ที่วิ่งวุ่นเข้าออกครัวทั้งวันเพื่อดูแลข้าวปลาให้ลูกๆ และสมาชิกในครอบครัว มุสลิมะฮฺเหล่านี้คือนักทำงานศาสนาอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าจะไม่มีใครในสังคมรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพวกเธอเลยก็ตาม

เป็นไปได้มากว่าประโยคนะซีฮะฮฺต้นบทความไม่ได้จงใจละเลยหน้าที่ของพวกเธอเหล่านี้ ทว่าได้หมายรวมงานพื้นฐานของชีวิตผู้หญิงเช่นที่กล่าวมาไว้ในเรื่องเบื้องต้นที่ทุกคนควรตระหนักรู้กันอยู่แล้ว แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่ผู้รับสารที่ยังโสดจะเข้าใจไปว่าการแต่งงานคือการปิดประตูการทำงานศาสนา ขณะเดียวกันผู้รับสารที่พ้นสถานะโสดไปแล้วก็ลืมเพ่งมองงานอันแสนหนักเหนื่อยของตัวเองว่ามันมีคุณค่าต่อสังคมแค่ไหน พาลให้รู้สึกท้อแท้หมดกำลังพังพาบอยู่ท้ายครัวว่าทำไมฉันไม่มีโอกาสทำงานรับใช้ศาสนาของอัลลอฮฺเหมือนใครเขาบ้างนะ

การที่มุสลิมีนนักทำงานได้รู้สึกสงบสุขและปลอดพ้นจากความหน่ายเหนื่อยทั้งปวงเมื่อกลับบ้าน รวมถึงการที่ชีวิตน้อยของบ่าวตัวจิ๋วจะได้เติบโตเรียนรู้อิสลาม มันไม่ได้เป็นการช่วยงานศาสนาของ อัลลอฮฺที่จะส่งผลยิ่งใหญ่ต่อสังคมโดยรวมหรอกหรือ?

กลับกัน ก็ไม่ใช่ว่าเหล่ามุสลิมะฮฺผู้สวมหมวกแม่บ้านเต็มตัวจะวางมือจากงานเคลื่อนไหวลักษณะอื่นอย่างสิ้นเชิง ใครมอบโอกาสช่วยงานศาสนารูปแบบอื่นๆ ก็ปฏิเสธเสียหมดทั้งที่มีกำลังความสามารถจะทำได้ นี่ก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะหากเราจัดการงานพื้นฐานของชีวิตซึ่งก็คืองานในบ้านได้เรียบร้อยแล้ว พ้นไปจากนั้นก็คือกำไรที่ใครเก็บได้เยอะก็ร่ำรวย มันเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยการสร้างสมดุลและจัดสรรปัจจัยต่างๆ ของชีวิตให้ลงตัว ภายใต้การขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺและหวังแน่วแน่ในรางวัลจากพระองค์

ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่บ้านทั้งหลาย เชื่อเถอะค่ะว่าทุกหยดเงื่อที่หยาดรดพื้นบ้านพื้นครัวไปนั้นไม่สูญเปล่าแน่นอนตราบที่มันเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺ และก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนโสดในการทำงานใดใดก็ตามที่มีพระพักตร์ของอัลลอฮฺเป็นเป้าหมาย แต่อย่างไรก็อย่าลืมว่างานแรกๆ ของชีวิตมุสลิมะฮฺน่ะไม่ได้อยู่ที่ไหนนอกจากใต้ความอบอุ่นของหลังคาบ้าน ฉะนั้นจะออกไปทำงานทีไหนๆ และในรูปแบบใดๆ ก็อย่าลืมเวทีแรกที่ยังรอให้เราวาดลวดลาย

 

 

...............................................................

 

 

คัดลอกจาก  http://peenud.wordpress.com/ 

 


 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).