Loading

 

ท่าทีของมุสลิมที่มีต่อ “ฟิตนะฮฺ” ที่เกิดขึ้น

 ท่าทีของมุสลิมที่มีต่อ “ฟิตนะฮฺ” ที่เกิดขึ้น

1.♦ การยึดมั่นต่ออัลลอฮฺ  และการขอความช่วยเหลือต่อพระองค์อย่างแท้จริง จะทำให้อัลลอฮฺ  ทรงช่วยเหลือท่าน และจะทำให้ท่านยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่กับฟิตนะฮฺต่าง ๆ ที่กำลังถาโถมเข้ามา ฉะนั้น ผู้ที่ได้รับความคุ้มครองก็คือผู้ที่อัลลอฮฺ  ทรงคุ้มครองเขาให้รอดพ้น และผู้ใดที่ถูกหลอกก็คือ ผู้ที่ถูกหลอกลวงนั่นเอง ไม่มีพลังใด ๆ ไม่มีอำนาจใด ๆ นอกจากด้วยพลัง และอำนาจของอัลลอฮฺ  เท่านั้น

 

        ฉะนั้น ผู้ใดที่อัลลอฮฺ  ทรงช่วยเหลือเขา ดังนั้น เขาก็คือผู้ที่อัลลอฮฺ  ทรงช่วยเหลือเขาแล้ว และผู้ใดที่อัลลอฮฺ  ทรงปล่อยทิ้งเขาด้วยการปกปิด เขาก็คือผู้ที่ถูกหักหลัง อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า
 

“และผู้ใดที่ยึดมั่นต่ออัลลอฮฺ ก็เท่ากับว่า เขานั้นได้รับการชี้นำสู่หนทางอันเที่ยงตรงแล้ว”
 

(อะลาอิมรอน 3 : 101)
 

อัลลอฮฺ  ตรัสอีกความว่า
 

“และพวกเจ้า จงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺ ไว้ให้มั่นโดยพร้อมเพรียงกัน และอย่าแตกแยกกัน”
 

(อะลาอิมรอน 3 : 103)
 

อัลลอฮฺ  ตรัสอีกความว่า
 

“และหากว่า มีการยุแหย่ใด ๆ จากชัยฏอนมายังเจ้า ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริง พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน เป็นผู้ทรงรอบรู้ "
 

(ฟุตซิลัต 41 : 36)
 

        ดังนั้น จงขอความช่วยเหลือต่ออัลลอฮฺ จากบรรดาฟิตนะฮฺเหล่านี้ ที่กำลังมุ่งเข้า สู่บ้านเรือนของพวกท่านตามท้องถนน มหาวิทยาลัยและในทุกแห่งหน … โอ้ บรรดาบ่าวผู้ที่กำลังจะจมอยู่กับฟิตนะฮฺทั้งหลาย จงลุกขึ้นเถิด จงรู้จักกับพระเจ้าของท่านให้ดีเถิด และจงรู้ถึงความอ่อนด้วยความอ่อนแอของพวกท่านกันเถิด อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

 

          “และหากว่า อัลลอฮฺ ทรงให้เกิดความเดือดร้อนอย่างหนึ่งอย่างใดแก่เจ้าแล้ว ก็จะไม่มีผู้ใดขจัดมันให้พ้นไปจากเจ้าได้ นอกจากพระองค์เท่านั้น และหากพระองค์จะทรงให้ความดีอย่างหนึ่งอย่างใดประสบกับเจ้า แท้จริง พระองค์นั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง” 
 

(อัลอันอาม 6 : 17)

 

          2.♦ ฟื้นฟูการศรัทธา (อีมาน) พึงรู้เถิดว่า การอีมานนั้น มีการอ่อนแอ และแข็งแรง มีการเพิ่มและมีการลด เพิ่มแรงฟิตนะฮฺ และการละเมิดฝ่าฝืน และทำให้การเชื่อฟังปฏิบัติตาม (ฏออะฮฺ) เพิ่มมากยิ่งขึ้น พลิกผันหัวใจของท่านไปตามความสามารถแห่งการฏออะฮฺ ไม่ว่าท่านจะเป็นแพทย์ หรือสถาปนิก หรือเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือเป็นทหาร ฯลฯ แต่ก็ขอให้เชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮฺ  และร่อซูลของพระองค์  จงศึกษาหาความรู้ เพื่อจะเป็นผู้รู้ เป็นครู หรือเป็นผู้เชิญชวนที่สัตย์จริง เพื่อเพิ่มพูนการอีมานของท่าน ดังฮะดีษที่อัลฮากิม และอัฏฏอบรอนี บันทึกจากอับดุลลอฮฺ บิน อัมรฺ อิบนุล อาซ แจ้งว่า ท่านนบี  กล่าวว่า

“แท้จริง การอีมานนั้น จะเป็นอุปนิสัยที่เกิดขึ้นจากภายในของคนใดคนหนึ่งในพวกท่าน เสมือนกับที่เกิดขึ้นกับเสื้อผ้าที่ถูกทดสอบ

ดังนั้น จงขอต่ออัลลอฮ์ เถิด ให้ทรงฟื้นฟู การศรัทธา (อีมาน) ในหัวใจของพวกท่าน” 

(บันทึกโดย อัลฮากิมและอัฏฏ็อบรอนี)
 

        ฉะนั้น จึงจำเป็นที่ท่านจะต้องรวมอยู่ในวงวิชาการ ด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ ปลีกตนออกจากบิดอะฮฺ ไปยังซุนนะฮฺ จากสิ่งที่เป็นฮะรอมไปสู่สิ่งที่ฮะล้าล จากความเท็จไปสู่ความจริง จากความชั่วไปสู่ความดี และ จากความมืดไปสู่ความสว่าง

          ฉะนั้น การอีมาน จะฟื้นฟูขึ้นมาด้วยการฏออะฮฺ การซิกิรฺ และการประจำอยู่กับวงวิชาการ การอิสติฆฟาร ความมีสัจจะ การลุกขึ้นละหมาดในตอนกลางคืน การไปเยี่ยมกุบูร การอ่านอัลกุรอาน การเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ  การกำชับใช้กันให้ทำความดี และการห้ามปรามกัน มิให้ทำความชั่ว การทำดีต่อบิดามารดา และการติดต่อญาติมิตร ฯลฯ

 

        3.♦ การยึดมั่น และปฏิบัติตามอัลกุรอาน และอัซซุนนะฮฺอย่างแท้จริง จำเป็นที่เราจะต้องให้ อัลกุรอาน และอัซซุนนะฮฺ เป็นตัวขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงในบ้านของเรา ในหน้าที่การงานของเรา ในโรงงานของเรา ในถนนหนทางของเรา ในชีวิตของเรา ในหน้าที่การงานของเรา และในแนวทางในการดำเนินชีวิตของเรา ดังที่ อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

“ฎอฮา เรามิได้ให้อัลกุรอานลงมาแก่เจ้า เพื่อให้เจ้าลำบาก นอกจากเป็นการตักเตือนแก่ผู้ที่มีความยำเกรง” 

(ฏอฮา 20 : 1-3)

         อัลลอฮฺ  มิได้ทรงส่งอัลกุรอานมาเพื่อสิ่งอื่นใด นอกจากเพื่อให้ประชาชาติของนบีมุฮัมมัด  ยืนยันการเป็นนบีของท่าน ด้วยกับหัวใจ สติปัญญา มารยาท และการกระทำทุกอย่างของท่าน นบี 

“เพื่อเตือนผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเพื่อให้ข้อตักเตือนนั้นเป็นหลักฐานยืนยันปรับปรำบรรดาผู้ปฏิเสธ"

(ยาซีน 36 : 70)

         ดังนั้น จงกลับมาหาอัลกุรอานกันเถิด เพื่อนำเอาบทบัญญัติ อายะฮฺอัลกุรอาน ข้อใช้และ ข้อห้ามของอัลกุรอาน ถ้อยคำ และอักษรของอัลกุรอานมาใช้ปฏิบัติ ดังดำรัสของอัลลอฮฺ  ที่ความว่า

“แท้จริง อัลกุรอานนี้นำไปสู่หนทางที่เที่ยงตรงที่สุด

และเป็นการแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธา ที่กระทำความดีทั้งหลายว่า แท้จริง สำหรับพวกเขานั้น จะได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่” 

(อัลอิสรออฺ 17 : 9)

 

          เพราะความสงบสุขปลอดภัยอันยิ่งใหญ่ จากบรรดาฟิตนะฮฺต่าง ๆ นั้นก็คือ การที่ท่านจะได้รับความหอมหวานจากอัลกุรอานทุกวันมิได้ขาด  และจงระวังรักษาความหอมหวานนี้ไว้ ยิ่งกว่าการได้กินอาหาร ได้ดื่มน้ำ และได้รับอากาศเพื่อการหายใจ เพราะท่านกำลังอ่านดำรัสของพระเจ้าแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน

 

          “และหากว่าเราได้กำหนดแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง หรือจงออกไปจากหมู่บ้านของพวกเจ้า พวกเขาก็ไม่ทำตามคำสั่งนั้น นอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น และหากว่าพวกเขาได้ทำตามสิ่งที่พวกเขาได้รับคำแนะนำแล้ว แน่นอน ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดียิ่งสำหรับพวกเขา และเป็น สิ่งที่ทำให้มุ่งมั่น มั่นคงยิ่ง” 

(อันนิซาอฺ 4 : 66)

          และเราจะกลับไปยังซุนนะฮฺของท่านนบี  เพื่อเติมเต็มคำสั่งใช้ของท่านนบี  และห่างไกลจากสิ่งที่ท่านได้ห้าม และหยุด ณ ขอบเขตของท่าน ปฏิบัติตามท่าน เผยแพร่สาน์นของท่าน และจงรู้ด้วยว่า ไม่มีทางที่เราจะเข้าใจอัลกุรอาน เว้นแต่เราต้องเข้าใจซุนนะฮฺของท่านนบี  ดังที่อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

“และอันใดที่ผู้เป็นร่อซูลได้นำมายังพวกเจ้า ก็จงยึดเอาไว้ และอันใดที่ท่านได้ห้ามพวกเจ้า ก็จงละเว้นเสีย

และพวกเจ้าจงเกรงกลัวอัลลอฮฺเถิด แท้จริง อัลลอฮฺ นั้นเป็นผู้ทรงลงโทษที่รุนแรงยิ่งนัก"

(อัลฮัซรฺ 59 : 7)

อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

         “ไม่อนุญาตให้ชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธา ที่เมื่ออัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ ได้กำหนดสิ่งใดแล้ว ที่พวกเขาจะเลือกกระทำ หรือไม่กระทำสิ่งใด และผู้ใดไม่เชื่อฟัง(ฝ่าฝืน) อัลลอฮฺ และร่อซูลของพระองค์ ก็เท่ากับว่าเขาได้หลงผิดไปแล้วอย่างชัดเจน” 

(อัลอะหฺซาบ 33 : 36)

อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

         “มิใช่เช่นนั้นดอก ข้าขอสาบานต่อพระเจ้าของเจ้าว่า เขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าพวกเขาจะให้เจ้าตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันในระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาไม่พบความคับข้องใจใด ๆ ในจิตใจของพวกเขา จากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินไป และพวกเขาต่างก็ยอมสยบจำนนโดยดี”

 (อันนิซาอฺ 4 : 65)

 

        4.♦ การมั่นใจในสัญญาของอัลลอฮฺ  และร่อซูลของพระองค์ และความเข้าใจ ในแนวทางของพระเจ้า เพราะหากเยาวชนคนหนุ่มสาวของเราไม่เข้าใจในแนวทางของพระเจ้า (ซุนนะตุลลอฮฺ) ดังกล่าวของการเกิดภัยพิบัติที่มืดมิด นั่นก็คือ ความสิ้นหวัง ความสงสัยในอัลลอฮฺ  ในการสำทับคาดโทษของพระองค์ และของร่อซูลของพระองค์

        ดังนั้น จำเป็นที่เราจะต้องเข้าใจแนวทางของพระเจ้า (ซุนนะตุลลอฮฺ) เพราะว่าแนวทางในโลกนี้นั้นเป็นของอัลลอฮฺ  จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ที่อัลลอฮฺ  จะทรงช่วยเหลือ สนับสนุนผู้ศรัทธา และผู้ที่ช่วยเหลือ สนับสนุนพระองค์ ดังดำรัสของพระองค์ที่ความว่า

“และเป็นหน้าที่ของเรา (อัลลออฺ) ในการช่วยเหลือบรรดาผู้ศรัทธา” 

(อัรรูม 30 : 47)

“และแน่นอน อัลลอฮฺ จะทรงช่วยเหลือ สนับสนุนผู้ที่สนับสนุนช่วยเหลือ (ศาสนาของ) พระองค์อย่างแน่นอน” 

(อัลฮัจญ์ 22 : 40)

 

         5.♦ ให้มั่นคงอยู่กับการทำอิบาดะฮฺในช่วงที่เกิดฟิตนะฮฺ เพราะอาวุธที่เข้มแข็งสามารถ จะช่วยเหลือมุสลิมได้ในเวลาเกิดฟิตนะฮฺ และบะลาอ์ ที่จะต้องขะมักเขม้นเข้มแข็งในการทำอิบาดะฮฺให้มาก ๆ ขณะที่ผู้คนเป็นจำนวนมากพากันเพิกเฉย ดังที่มีรายงานจาก มะอฺกิล บิน ยะซ๊าร แจ้งว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  กล่าวว่า

“การทำอิบาดะฮฺในยามเกิดฟิตนะฮฺคับขัน เสมือนกับการอพยพ (ฮิจญ์เราะฮฺ) ไปยังพระองค์”

(บันทึกโดย อิมามมุสลิม)

         อิมาม อันนะวะวีย์ กล่าวว่า คำว่า “อัลฮิจญ์” ในที่นี้หมายถึง ฟิตนะฮฺ และมีเรื่องสับสนวุ่นวายในหมู่ผู้คน และสาเหตุที่ได้รับภาคผลมากมายจากการทำอิบาดะฮฺในช่วงนั้น ก็เพราะผู้คนต่างก็เพิกเฉย และพากันเพิกเฉยต่อการทำอิบาดะฮฺ และไม่มีเวลาว่าง นอกจากบางคนเท่านั้น

อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

“และแท้จริง เรารู้ว่า แท้จริง หัวอกของเจ้านั้นอึดอัด ในสิ่งที่พวกเขาพูด ดังนั้น จงกล่าวสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้า

และจงอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่สุญูดทั้งหลาย และจงอิบาดะฮฺต่อพระเจ้า ของเจ้า จนกว่าความตายจะมายังเจ้า” 

(อัลฮิจรฺ 15 : 97-99)

 

       6.♦ การรักษาละหมาดไว้เป็นญะมาอะฮฺ ดังที่อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

“และพวกเจ้า จงอาศัยความอดทน และการละหมาดเถิด และแท้จริงการละหมาดนั้นเป็น สิ่งใหญ่โต นอกจากบรรดาผู้ที่นอบน้อมถ่อมตนเท่านั้น” 

(อัลบะเกาะเราะฮฺ 2 : 45)

มีรายงานจากอบีฮุรอยเราะฮฺ แจ้งว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  กล่าวว่า 

“ผู้ใดที่ไปมัสยิดทั้งเช้าและค่ำ อัลลอฮฺ ทรงจัดเตรียมที่พำนักไว้สำหรับเขา ทุกครั้งที่เขาไปทั้งเช้าและค่ำ”

(บันทึกโดย อิมาม บุคอรี และมุสลิม)

อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

“แท้จริงผู้ที่จะบูรณะบรรดามัสยิดของอัลลอฮฺก็คือผู้ที่ศรัทธา (อีมาน) ต่ออัลลอฮฺ และวันอาคีเราะฮฺ และผู้ที่ดำรงการละหมาด และจ่ายซะกาต” 

(อัตเตาบะฮฺ 9 : 18)

 

         7.♦ การรำลึกถึงอัลลอฮฺ  เพราะการรำลึกถึงอัลลอฮฺ  นั้นเป็นสื่อ อันยิ่งใหญ่ที่มั่นคง ดังดำรัสของอัลลอฮฺ  ที่ความว่า

“โอ้บรรดาผู้ศรัทธาแล้วทั้งหลาย เมื่อพวกเจ้าพบชนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด ก็จงยืนหยัดมั่นคง

และ จงรำลึกถึงอัลลอฮฺให้มาก ๆ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ” 

(อัลอันฟาล 8 : 45)

“บรรดาผู้ศรัทธา และหัวใจของพวกเขาสงบ ด้วยกับการรำลึกถึงอัลลอฮฺ พึงทราบเถิดว่า ด้วยกับการรำลึกถึงอัลลอฮฺนั้น ทำให้บรรดาหัวใจสงบ” 

(อัรเราะอฺดฺ 13 : 28)

มีรายงานจากอบีมูซา อัลอัซอะรีย์ แจ้งว่า ท่านนบี  กล่าวว่า

“อุปมาผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮฺกับผู้ที่มิได้รำลึกถึงอัลลอฮฺ อุปไมยดั่งคนเป็นกับคนตาย”

(บันทึกโดย อิมาม บุคอรี และมุสลิม)

อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

“และผู้ใดที่ผินหลังให้กับการรำลึกถึงข้า ดังนั้น การดำรงชีวิตของเขาก็เป็นไปอย่างคับแค้นยากลำบาก

และเราจะให้เขาฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาในวันกิยามะฮฺในสภาพเป็นคนตาบอด” 

(ฏอฮา 20 : 124)

“และผู้ใดที่ผินหลังให้กับการรำลึกถึงพระผู้ทรงกรุณาปราณี เราจะให้ชัยฏอนตัวหนึ่งแก่เขา แล้วมันก็จะเป็นเกลอของเขา” 

(อัซซุครุฟ 43 : 36)

 

         8.♦ การขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ  ให้พ้นจากฟิตนะฮฺ มีรายงานจาก ซัยดฺ บิน ซาบิต แจ้ง ว่า ท่านร่อซูลุลลอฮฺ  กล่าวว่า

“ท่านทั้งหลาย จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากฟิตนะฮฺ ทั้งที่เปิดเผย และไม่เปิดเผย”

(บันทึกโดย อิมาม มุสลิม)

มีรายงานจากท่านหญิงอาอิซะฮฺ และท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ แจ้งว่า ท่านนบี  กล่าวว่า

          “เมื่อคนหนึ่งคนใดในพวกท่านอ่านตะชะฮฺฮุด ในร็อกอะฮฺสุดท้าย ดังนั้น เขาก็จงขอความคุ้มครองจากอัลลออฺ ให้พ้นจากสี่ประการต่อไปนี้ ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ให้พ้นจากการลงโทษในนรกญะฮันนัม ฉันขอความต่ออัลลอฮฺ ให้พ้นจากการลงโทษในกุบู๊ร ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ และในการตายจากไป และฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺ ให้พ้นจากฟิตนะฮฺของ มะซี ฮิด ดัจญาล” 

(บันทึกโดย อิมามบุคอรี อิมามมุสลิม และอิมามอะฮฺหมัด)

“อย่าได้ทำเป็นเพิกเฉยในเรื่องการขอดุอาอฺ เพราะอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่ง ทรงชีวิต ทรงใจบุญ

ทรงละอายที่เมื่อผู้เป็นบ่าวยกมือขึ้นขอต่อพระองค์แล้ว มิได้รับอะไรกลับไป” 
 

(บันทึกโดย อบูดาวูด)

 

        9.♦ การคบเพื่อนที่ดีส่งผลสำคัญต่อชีวิตของเรา เพราะจะช่วยคนให้มีการเชื่อฟังปฏิบัติตาม (ฏออะฮฺ) และมั่นคงอยู่กับการอีมาน ดังดำรัสของอัลลอฮฺ  ที่ความว่า

“และทั้งหมดนี้ เราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเรื่องราวของบรรดาร่อซูล เพื่อทำให้จิตใจของเจ้า หนักแน่น

และความจริงนี้ได้มายังเจ้า แล้วเป็นข้อตักเตือน และเป็นข้อควรรำลึกสำหรับบรรดาผู้ศรัทธาแล้วทั้งหลาย” 

(ฮูด 11 : 120)

มีรายงานจาก อบีมูซา อัลอัชอะรีย์ แจ้งว่า ท่านนบี  กล่าวว่า

        “แท้จริง อุปมาการคบเพื่อที่ดีกับการคบเพื่อนที่ชั่ว อุปไมยดังการคบกับคนที่ถือชะมดเชียง กับคนที่เป็นช่างหลอดเบ้าสูบลม สำหรับคนที่ถือชะมดเชียงนั้น หากเขาไม่ให้ท่าน คนก็จะซื้อจากเขาได้ หรือไม่ก็คุณก็พลอยได้รับกลิ่นหอมติดตัวไปด้วย ส่วนคนที่เป็นช่างหลอมเบ้าสูบลมนั้น เสื้อผ้าของคุณไม่เพียงจะถูกไฟไหม้ไปด้วย หรือไม่ก็จะได้รับกลิ่นที่เหม็นไปด้วย” 

(บันทึกโดย อิมาม บุคอรี และมุสลิม)

 

          10.♦ การปลีกตัวหนีออกห่างจากฟิตนะฮฺ และแหล่งของฟิตนะฮฺ อย่าได้ออกมาเผชิญหน้า โดยคิดว่าเป็นความกล้าหาญและเป็นการยืนหยัด ซึ่งมิใช่เช่นนั้นเลย ท่านนบี ได้เตือนให้เราปลีกตัวออกห่างจากแหล่งแห่งฟิตนะฮฺ ดังมีรายงานจาก อบี สะอี๊ด อัลคุตรีย์ แจ้งว่า ท่านร่อซูลลุลลอฮฺ  กล่าวว่า

         “การหลีกหนีให้พ้นไปจากฟิตนะฮฺ นับเป็นความดีแก่ผู้เป็นบ่าว แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเจ้าของแพะหรือแกะก็ตาม"

ท่านนบี กล่าวว่า

       "ใกล้เวลาเหลือเกินแล้วที่ทรัพย์สินที่ดีของมุสลิม คือ แพะ แกะ ที่อยู่ตามภูเขาประดุจหยดน้ำ ที่หากเขาเฝ้าติดตามด้วยความรัก ความห่วงใย แล้วเขาพยายามจะหลีกหนีไปให้พ้นจากฟิตนะฮฺพร้อมกับศาสนาของเขา”

 (บันทึกโดย อิมาม บุคอรีย์)

มีรายงานจาก อัลมิกด๊าด บิน อัลอัสวัด แจ้งว่า ท่านนบี  กล่าวว่า

“แท้จริงผู้ที่มีความสุขนั้น คือ ผู้ที่ถูกให้ห่างไกลจากฟิตนะฮฺ

แท้จริง ผู้มีความสุขคือ ผู้ที่ถูก ให้ห่างไกลจากฟิตนะฮฺ

แท้จริง ผู้มีความสุขคือ ผู้ที่ถูกให้ห่างไกลจากฟิตนะฮฺ

และผู้ที่ถูกทดสอบด้วย ฟิตนะฮฺ แล้วเขาก็อดทน” 

(บันทึกโดย อบู ดาวูด)

มีรายงานจาก อบีฮุรอยเราะฮฺ แจ้งว่า ท่านร่อซูล  กล่าวว่า

          “จะเกิดฟิตนะฮฺขึ้นมากมาย ผู้ที่นั่งอยู่ดีกว่าผู้ที่ลุกขึ้นยืน ผู้ที่ลุกขึ้นยืนดีกว่าผู้ที่เดินออกมา และผู้ที่เดินออกมาดีกว่าผู้ที่วิ่งออกมา และผู้ที่ได้รับเกียรติ เขาก็พ้นจากความพินาศ และผู้ใดที่พบว่า ในนั้นมีที่ลี้ภัยที่พักพิง หรือให้ความคุ้มครอง ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺเถิด”

(บันทึกโดย อิมาม บุคอรีย์ และมุสลิม)

          พี่น้องผู้เป็นบ่าวของอัลลอฮฺ  ทั้งหลาย นี่คือแนวทางบางประการ เพื่อที่จะให้พ้นจากฟิตนะฮฺต่าง ๆ หากเราเป็นผู้มีอีมานที่แท้จริง และยืนหยัดในการนี้ ดังที่อัลลอฮฺ  ตรัสว่า

“อัลลอฮฺทรงให้บรรดาผู้ศรัทธามีความหนักแน่น ด้วยถ้อยคำที่หนักแน่นมั่นคง ในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ และในโลกอาคีเราะฮฺ” 

(อิบรอฮีม 14 : 27)

         และเราไม่ลืมว่า การศรัทธานั้น คือ คำพูดและการกระทำ มีเพิ่มและมีลด เพิ่มขึ้นด้วยการฏออะฮฺ และลดลงด้วยการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืน (มะอฺซียะฮฺ) อัลลอฮฺ  ตรัสความว่า

 

“และบรรดาผู้ที่ดิ้นรนต่อสู้เพื่อเรา (อัลลอฮฺ) แน่นอน เราจะชี้แนวทางที่ถูกต้องของเราให้แก่พวกเขา

และแท้จริง อัลลออฺทรงอยู่ร่วมกับบรรดาผู้กระทำความดีทั้งหลาย” 

(อัลอังกะบูต 29 : 69)

 

............................................................

 

 

ที่มา อัลอิศลาห์ สมาคม

คัดลอกจาก : http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=26&id=3678

 

 

 

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).