Loading

 

ปัญหาบางประการของมุสลิม

ปัญหาหนึ่งจากหลาย ๆ ปัญหาของประชาชาตินี้ก็คือ พวกเขากำลังลุ่มหลงเพลิดเพลินอยู่กับการแสวงหาความสุขส่วนตัวเพื่อสนองอารมณ์ใฝ่ต่ำ หลงลืมต่อแก่นสารหรือสารัตถะของหลักการ ทั้ง ๆ ที่พวกเขามีชีวิตอย่างสูงค่าอยู่ได้ก็ด้วยกับหลักการคำสอนนี้ พวกเขาไม่สามารถแยกแยะได้ระหว่างมิตรกับศัตรู และพวกเขารู้ไม่เท่าทันแผนการอันแยบยลที่ศัตรูของพวกเขากำลังเดินหมากอยู่ในที่มืด และแฝงยาพาเอาไว้ในช็อคโกแล็ต ในขนมหวาน ศัตรูได้ใช้คมดาบฟาดฟันทำลายภาพอันสวยงามแห่งอิสลามทิ้ง ภายใต้สโลแกนหรือคำโฆษณาชวนเชื่ออันสวยหรู ป่าวประกาศการปฎิเสธศรัทธาว่าเป็นอิสรภาพ เสรีภาพ เรียกขานการกระทำที่ชั่วช้าสามานย์ ลามก อนาจารว่าศิลปะ บัญญัติศัพท์ของการผินหลังให้กับหลักการว่าคือ ความเจริญก้าวหน้า ขนานนามให้กับรอยฟกช้ำจากการทารุณกรรมอันไร้ซึ่งความยุติธรรมนั้นว่า เป็นดั่งเนื้อติดมันอันโอชะ และมองที่โล่งเตียนตามธรรมชาติซึ่งห่างไกลจากสายตาคิดว่าเป็นสระน้ำอันสวยหรู !

ปัญหาอีกอย่างที่เกิดขึ้นกับประชาชาติอิสลามก็คือ ช่องว่างที่เกิดขึ้นระหว่างมุสลิมด้วยกัน ซึ่งเป็นรูโหว่ที่สามารถสัมผัสได้ นั่นคือการยึดติดกับกลุ่มหรือพวกพ้อง ชาตินิยม ภูมิภาคนิยม ภาษานิยม และปัญหาการยึดมั่นต่อมัซฮับต่าง ๆ โดยขาดความรู้ที่ครอบคลุม ซึ่งล้วนส่งผลต่อความแตกแยกทั้งสิ้น และในที่สุดก็ผลักดันให้มุสลิมบางส่วนหันเหออกจากแนวทางอันเที่ยงแท้ของพระผู้เป็นเจ้า

อีกประเด็นหนึ่งคือ ความเห็นแก่ประโยชน์ของผู้นำ ซึ่งมักยึดเอาอารมณ์ความรู้สึกมาอยู่เหนือสัจธรรม ขวนขวายแสวงหาผลประโยชน์แห่งดุนยาเนื่องการแสวงหาความพึงพอพระทัยจากอัลลอฮฺ มุ่งเน้นผลประโยชน์ส่วนตน หรือองค์กร จนกระทั่งเมินเฉยต่อประโยชน์ของประชาชาติอิสลามซึ่งสำคัญยิ่งกว่าหลายเท่านัก

และช่องว่างที่เราสามารถพบได้ในทุกประเทศ คือความรู้สึกที่แตกต่างกันระหว่างรัฐบาลกับประชาชน โดยธรรมชาติของประชาชนส่วนใหญ่ ประวัติศาสตร์และความเป็นจริงบอกเราว่าพวกเขาจะผูกพันและหวงแหนต่อหลักธรรมคำสอนแห่งอิสลามเสมอ ส่วนรัฐบาลนั้นเริ่มต้นบทบาทของการถูกอบรมสั่งสอนให้กอบโกยผลประโยชน์ การเป็นผู้นำต้องใช้ระบบทหาร ซึ่งนำหลักสูตรมาจากสมุนของฏอฆูต และมีแนวคิดที่ขัดแย้งต่อหลักคำสอนของอิสลาม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้สึกสำนึกผิดแต่อย่างใด แม้ได้ทำในสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการที่ชอบธรรมก็ตาม

ความหวาดหวั่นของพวกเขาคือ หวั่นเกรงว่าหลักการอิสลามจะกลับมามีบทบาทอีกครั้ง และกลัวว่าหากนำหลักคำสอนแห่งอิสลามมาใช้ อิสลามก็จะกลับมาปกครองประเทศ ก็จะทำให้พวกเขาขาดอิสระในการที่จะกระทำการชั่วร้ายดังกล่าว เหตุผลนี้เอง เลยทำให้พวกเขามีแนวคิดอยู่ในอีกโลกหนึ่ง ส่วนประชาชนก็อยู่อีกโลกหนึ่ง ซึ่งพวกเขาไม่กล้าที่จะลดความคิดของพวกเขามาผนวกกับประชาชนได้อย่างเด็ดขาด ทำให้ทั้งสองฝ่ายจึงกลายเป็นดั่งเส้นขนานที่ปลายขั้วทั้งสองไม่มีวันบรรจบพบกันได้เลย

ช่องโหว่อีกประการหนึ่งที่เกิดขึ้นระหว่ากลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าหัวก้าวหน้า กับประชาชนธรรมดา ก็คือ โดยธรรมชาติแล้วสามัญชนคนทั่วไปจะมีความผูกพันกับหลักการ หวงแหนต่อบทบัญญัติ ใช้ชีวิตตามครรลองของอิสลาม แต่ส่วนมากของรัฐบาลใช้วิธีการนำสงครามจิตวิทยาหรือวิทยาการต่าง ๆ มาทำลายประชาชนให้ออกจากพื้นฐานเดิม ๆ โดยยึดนำสิ่งอื่นมาทดแทนด้วยกับความเข้าใจที่คาดเคลื่อนจากหลักการอิสลาม จากบัญญัติ ประวัติศาสตร์ และประชาชาติ ในที่สุดพวกเขาก็มั่นใจในระบบทุนนิยม (ลัทธิไร้ศาสนา) ทั้งในความคิด และกระบวนการดำเนินชีวิต หากพวกเขาจะเปิดโอกาสให้บ้างก็แต่เพียงมัสยิด สำหรับใช้เพื่อการละหมาดหรือใช้เพื่อการตักเตือนเท่านั้น หรือเพียงอนุญาตให้บรรจุเป็นคาบเรียนภาควิชาศาสนาในโรงเรียน หรือให้มีรายการศาสนาในวิทยุ โทรทัศน์ ให้มีคอลัมน์เพียงน้อยนิดในหนังสือพิมพ์ วารสาร สิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นถือเป็นการแสดงความใจบุญ และการเสียสละอย่างเต็มที่ของพวกเขาแล้ว ! ส่วนใครผู้ใดจะยึดเอาอิสลามมาเป็นวิถีแห่งการดำเนินชีวิต หรือยึดมาเป็นธรรมนูญของการปกครองประเทศนั้นไม่ได้...ไม่ได้อย่างเด็ดขาด !

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).