Loading

 

กฏเกณฑ์แห่งชัยชนะและการช่วยเหลือของอัลลอฮฺ

แท้จริงการช่วยเหลือจะไม่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ จะไม่เกิดขึ้นโดยไม่มีเหตุผล และจะไม่เกิดขึ้นเหมือนกับการเอาไม้ตีอูฐ (ซึ่งหมายถึง...เกิดขึ้นโดยไร้เป้าหมาย...) สำหรับการช่วยเหลือนั้นเป็นกฎหรือวัฎจักรที่อัลลอฮฺได้บันทึกไว้แล้วในคำภีร์ของพระองค์ เพื่อชี้แนะแนวทางให้ปวงบ่าวผู้ศรัทธาได้รู้ และนำไปปฏิบัติบนพื้นฐานของความรู้นั้น

กฎข้อที่หนึ่ง
แท้จริงการช่วยเหลือนั้นมาจากอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง ดังนั้นผู้ที่พระองค์ทรงช่วยเหลือเขาจะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างเด็ดขาด ถึงแม้ว่าผู้คนทั้งหลายจะรวมตัวกันผินหลัง ตีห่าง เกลียดชัง หรือทอดทิ้งเขา ส่วนผู้ที่อัลลอฮฺทอดทิ้งเขาเขาก็จะไม่ได้รับความช่วยเหลือ ไม่ได้รับความสำเร็จแต่ประการใด แม้ว่าเขาจะมีกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์อันมากมายรวมถึงคนทั้งโลกจะช่วยเหลือสนับสนุนเขาก็ตาม

เหตุผลดังกล่าวอัลลอฮฺได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนในคัมภีร์ของพระองค์ โดยไม่มีเมฆหมอกสีเทามาบดบัง ชัดเจน ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยใด ๆ "หากว่าอัลลอฮฺทรงช่วยเหลือพวกเจ้า ก็จะไม่มีผู้ใดชนะพวกเจ้าได้ และหากพระองค์ทรงทอดทิ้งพวกเจ้าแล้ว แล้วผู้ใดเล่าจะช่วยเหลือพวกเจ้าได้หลังจากพระองค์ และแด่อัลลอฮฺเท่านั้นที่ผู้ศรัทธาจงมอบหมาย" (อาละอิมรอน / 160)
"จงรำลึกขณะที่พวกเจ้าขอความช่วยเหลือยามขับขันต่อพระเจ้าของพวกเจ้า และอัลลอฮฺก็ได้ทรงรับสนองแก่พวกเจ้าว่า แท้จริงข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้าด้วยมลาอิกะฮฺจำนวนพัน โดยทยอยกันลงมา และอัลลอฮฺนั้นมิได้ทรงให้มัน(หมายถึงการช่วยเหลือของมลาอิกะฮฺ)มีขึ้นนอกจากข่าวดี และเพื่อว่าหัวใจของพวกเจ้าจะได้สงบขึ้นด้วยกับสิ่งนั้น และไม่มีการช่วยเหลือนอกจากที่มาจากอัลลอฮฺเท่านั้น แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ" (อัล-อันฟาล /9-10)

บางครั้งอัลลอฮฺจะช่วยเหลือคนจำนวนน้อยให้มีชัยชนะเหลือผู้คนจำนวนมาก ดั่งที่พระองค์ทรงช่วยเหลือพรรคพวกฎอลูต (ที่มีจำนวนน้อย) ต่อพลพรรคของญาลูตที่มีจำนวนมาก ถึงแม้ว่าพลพรรคของฎอลูตจะหวั่นกลัวขณะที่เขาเห็นกำลังพลมหึมาพร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพญาลูต

"วันนี้พวกเราไม่มีกำลังใด ๆ จะต่อสู้กับญาลูต (มนุษย์ทรงพลังซึ่งเป็นกษัตริย์และแม่ทัพ) และไพล่พลของพวกเขาได้ บรรดาผู้ที่เชื่อแน่ว่าพวกเขาจะพบกับอัลลอฮฺได้กล่าวว่า มีกี่มากน้อยแล้ว คนจำนวนน้อยเอาชนะคนจำนวนมากด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงอยู่พร้อมกับบรรดาผู้ที่มีความอดทนทั้งหลาย" (อัลบากอเราะฮฺ / 249)

บางครั้งพระองค์ทรงช่วยเหลือผู้ที่ไม่มีแม้กระทั่งทหารหรืออาวุธแต่ประการใด เสมือนกับที่พระองค์ได้ทรงช่วยเหลือท่านรอซูลุลลอฮฺดั่งเหตุการณ์ในถ้ำขณะที่ท่านอพยพไปมาดีนะฮฺ "ถ้าพวกเจ้าไม่ช่วยเหลือเขา(หมายถึงท่านรอซูล) แท้จริงอัลลอฮฺก็ไก้ทรงช่วยเหลือเขามาแล้ว ขณะที่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา(พวกมุชริกีนมักกะฮฺ)ได้ขับไล่เขาออกไปโดยที่เขาเป็นคนที่สองในสองคน ขณะที่ทั้งสอง(ท่านรอซูลและท่านอบูบักร)อยู่ในถ้ำนั้น คือขณะที่เขา(ท่านรอซูล)ได้กล่าวแก่สหายของเขา(ท่านอบูบักร)ว่า ท่านอย่าได้เสียใจ แท้จริงอัลลอฮฺทรงอยู่กับเรา แล้วอัลลอฮฺก็ทรงประทานลงมาแก่เขาซึ่งความสงบใจจากพระองค์ และได้สนับสนุนเขาซึ่งบรรดาไพล่พลซึ่งพวกเจ้าไม่เคยเห็นพวกเขา และได้ทรงให้ถ้อยคำของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่ต่ำสุด และพจนารถของอัลลอฮฺนั้นคือพจนารถที่สูงสุด และอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ" (อัตเตาบะฮฺ / 40)

กฎข้อที่สอง
แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงช่วยเหลือนอกจากผู้ที่ช่วยเหลือพระองค์ ดังนั้นผู้ใดช่วยเหลือพระองค์ พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือเขา โดยกฎข้อนี้จะมาในสำนวนของเงื่อนไข และการตอบแทน "โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย หากพวกเจ้าสนับสนุน(ศาสนา)ของอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงสนับสนุนพวกเจ้า และจะทรงตรึงเท้าของพวกเจ้าให้มั่นคง" (มุฮัมมัด/7) และจะมาในรูป “เคาะบัร ษาบิต” (ประโยคบอกเล่า) เน้นด้วยอักษร ลาม กอซัม และ นูน เตากีต “และแน่นอนอัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือผู้ที่สนับสนุนศาสนาของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงเดชานุภาพยิ่ง” (อัลฮัจญ์ / 40)

แท้จริงการช่วยเหลืออัลลอฮฺจะบรรลุได้ก็ด้วยกับการช่วยเหลือศาสนาของพระองค์ เชิดชูคำดำรัสแห่งพระผู้สร้าง และด้วยกับการนำบัญญัติแห่งอิสลามมาเป็นกฎข้อตัดสินในหมู่มนุษยชาติ ดังกล่าวนี้ คุณลักษณะของผู้ที่ช่วยเหลืออัลลอฮฺจะต่อท้ายด้วยดำรัสของพระองค์ที่ว่า “บรรดาผู้ที่เราให้พวกเขามีอำนาจในแผ่นดิน คือบรรดาผู้ที่ดำรงการละหมาด และบริจาคซะกาต และกำชับกันให้กระทำความดี และห้ามปรามกันให้ละเว้นความชั่ว และบั้นปลายของกิจการทั้งหมายย่อมกลับไปหาอัลลอฮฺ” (อัลฮัจญ์/41)

และบางทีสำนวนของคัมภีร์อัลกุรอานจะบอกถึงการช่วยเหลือของอัลลอฮฺด้วยอีมาน หรือด้วยพลไพล่ของอัลลอฮฺ ดังนั้นผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺด้วยความสัจจริงแห่งอีมาน พระองค์อัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือเขา หรือเป็นทหารที่ถูกส่งมาช่วยเหลือกองทัพของอัลลอฮฺ “และหน้าที่ของเราคือการช่วยเหลือผู้ที่ศรัทธา” (อัรรูม/47) “และแท้จริงไพล่พลของเรานั้น สำหรับพวกเขาจะเป็นผู้ที่มีชัยชนะ” (อัศศ็อฟฟาต/173)

กฎข้อที่สาม

การช่วยเหลือไม่เกิดขึ้นแก่ผู้ใดนอกจากแก่ผู้ที่ศรัทธา และเกิดขึ้นด้วยกับผู้ศรัทธาเท่านั้น ดังนั้นผู้ศรัทธาจึงเป็นเป้าหมายของการช่วยเหลือ พร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ จากเหตุผลดังกล่าวพระองค์ทรงมีดำรัสกับรอซูลของพระองค์ว่า “พระองค์คือผู้ทรงสนับสนุนเจ้าด้วยกับการช่วยเหลือของพระองค์ และด้วยผู้ศรัทธาทั้งหลาย และได้ทรงให้ความสนับสนุนเกิดขึ้นในหัวใจของพวกเขา” (อัล-อันฟาล 62-63)

บางครั้งอัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยการส่งบรรดามลาอิกะฮฺจากฟากฟ้าลงมายังพิภพ ดังเหตุการณ์ในสงครามบะดัร สงครามค็อนดัก และสงครามหุนัยน์ “จงรำลึกขณะที่พระเจ้าของเจ้าประทานโองการแก่มลาอิกะฮฺว่า แท้จริงข้านั้นอยู่ร่วมกับพวกเจ้าด้วย” (อัลอันฟาล / 12) “ดังนั้นเราได้ส่งลมพายุพัดใส่พวกเขา และกำลังทหารที่พวกเจ้ามองไม่เห็น” (อัลอะห์ซาบ/9) “และแท้จริงอัลลอฮฺทรงประทานลงมาซึ่งความสงบใจจากพระองค์แก่รอซูลของพระองค์ และแก่บรรดาผู้ศรัทธาเหล่านั้น และได้ทรงให้ไพล่พลลงมาซึ่งพวกเจ้าไม่เห็นพวกเขาและได้ทรงลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น” (อัตเตาบะฮฺ / 26)

บางครั้งพระองค์อัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางธรรมชาติมาช่วยเหลือหรือมาทำลายศัตรู ดั่งที่พระองค์ทรงส่งพายุมาพัดใส่พวกมุชริกีนในสงครามค็อนดัก “ดังนั้นเราได้ส่งลมพายุที่มีความหนาวเหน็บมายังพวกเขา” (ฟุตศิลัต/16) และเหตุการณ์ที่พระองค์ทรงประทานน้ำฝนแห่งความเมตตาให้แก่บรรดามุสลิมีนในสงครามบะดัร “และทรงประทานน้ำลงมาให้แก่สูเจ้าจากฟากฟ้า เพื่อทรงชำระพวกเจ้าด้วยน้ำนั้น และทรงให้ความโสมมของชัยฏอนหมดไปจากพวกเจ้า และเพื่อที่จะถูกหัวใจของพวกเจ้า และทรงตรึงเท้าให้มั่นคงด้วยน้ำนั้น” (อัลอันฟาล / 11 )

บางครั้งพระองค์อัลลอฮฺทรงช่วยเหลือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ โดยให้เกิดขึ้นด้วยกับน้ำมือของศัตรู หรือเกิดขึ้นระหว่างศัตรูของอัลลอฮฺด้วยกันเอง ด้วยกับการโยนความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา เกิดความเสียหายที่สามารถสัมผัสได้ และฆ่าฟันกันเองระหว่างพวกเขา เหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพวกยะฮูดีย์บะนีนะฎีร “พระองค์เป็นผู้ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาในหมู่พวกอะฮฺลุลกิตาบออกจากบ้านเรือนของพวกเขาเป็นครั้งแรกของการถูกไล่ออกเป็นกลุ่ม ๆ พวกเจ้ามิได้คาดคิดกันเลยว่า พวกเขาจะออกไป(ในสภาพเช่นนั้น) และพวกเขาคิดว่า แท้จริงป้อมปราการของพวกเขานั้นจะป้องกันพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้ แต่การลงโทษของอัลลอฮฺได้มีมายังพวกเขาโดยมิได้คาดคิดมาก่อนเลย และพระองค์ทรงทำให้ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา โดยพวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยกับน้ำมือของพวกเขาเอง และด้วยน้ำมือของบรรดามุอ์มิน ดังนั้นพวกเจ้าจงยึดถือเป็นบทเรียนเถิด โอ้ผู้มีปัญญาทั้งหลาย” (อัลหัชรฺ/2)

แต่ทว่าเงือนไขกระบวนการช่วยเหลือทั้งหมดนั้นจะหยุดอยู่ที่การมี “ผู้ศรัทธา” ดั่งที่การลงมาของมลาอิกะฮฺในสงครามบะดัร ไม่ได้ลงมาอย่างโดดเดี่ยว แต่พระองค์อัลลอฮฺได้ตรัสกับพวกเขาว่า “แท้จริงข้านั้นอยู่ร่วมกับพวกเจ้า จงทำให้ผู้ศรัทธามั่นคงเถิด” (อัลอันฟาล/2)

และในสงครามอัลอะห์ซาบ อัลลอฮฺทรงส่งพายุและไพล่พลมา “บรรดาผู้ศรัทธาได้ถูกทดลองและพวกเขาได้ถูกทำให้เคลือนไหวสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง” (อัลอะห์ซาบ/11)

ในสงครามหุนัยน์ “อัลลอฮฺทรงประทานลงมาซึ่งความสงบใจจากพระองค์ แก่รอซูลของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธาเหล่านั้น” (อัตเตาบะฮฺ / 26)

ในสงครามบะนีนะฏีร “โดยที่พวกเขาได้ทำลายบ้านเรือนของพวกเขาด้วยกับน้ำมือของพวกเขาเอง และด้วยกับน้ำมือของบรรดามุอ์มิน” (อัลหัชรฺ/2)

กำเนิดชนแห่งศรัทธา

เมื่อการช่วยเหลือจะไม่บังเกิดขึ้นนอกจากเพื่อผู้ศรัทธาและด้วยกับผู้ศรัทธา ดังนั้นบรรดาผู้ที่ศรัทธาจึงมิได้ถูกส่งลงมาจากฟากฟ้า แต่ทว่าพวกเขานั้นต่างงอกเงยขึ้นมาจากพื้นดิน

และพวกเขาต่างไม่ได้งอกเงยขึ้นมาจากพื้นดินโดยปราศจากเมล็ดพันธุ์ ไม่ได้เจริญเติบโตอย่างเคว้งคว้างปราศจากทิศทาง ไร้ซึ่งเป้าหมาย และไม่ได้ผลิดอกออกผลโดยผ่านการละเลยไม่ใส่ใจดูแล หากแต่ว่า พวกเขาเติบโตขึ้นมาด้วยการเอาใจใส่ชุบเลี้ยงบำรุงมาเป็นอย่างดี ทั้งนี้ในผู้ชุบเลี้ยงนั้นต้องเป็นผู้ชำนาญการ ดำรงอยู่ในหมู่ผู้สัตย์จริง และผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอดทน โดยที่เขาหมั่นเอาใจใส่ ดูแลรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย และสังเกตการณ์ต่อทุกช่วงของการเจริญเติบโต จนกระทั่งลำต้นโตพอที่จะสามารถยืนต้นได้ ผลิดอกออกผลและรับประทานได้ในที่สุดโดยการอนุมัติของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล

และมิน่าแปลกใจเลยที่อัลลอฮฺทรงฉายภาพชนแห่งอิสลามกลุ่มแรกจากบรรดาศอฮาบะฮฺของท่านรอซูลุลลอฮฺทั้งที่พระองค์ได้ดำรัสไว้ “และอุปมาของพวกเขาที่มีอยู่ในอัลอินญีลนั้นประหนึ่งเมล็ดพืชที่งอกหน่อ หรือกิ่งก้านของมันออกมา แล้วทำให้มันงอกงาม แล้วมันก็เติบโตแข็งแรง และทรงตัวอยู่ได้บนลำต้นของมัน นำความปลื้มปีติให้แก่ผู้หว่านปลูก เพื่อที่พระองค์จะก่อความโกรธแค้นพวกปฏิเสธศรัทธา” (อัลฟัตห์/29 )


Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).