Loading

 

ขอนไม้ ... ร้องไห้

ห้วงระยะเวลากว่า 14 ศตวรรษได้ก้าวผ่านพวกเราไป นับว่าเป็นช่วงเวลาที่นานมากสำหรับความรู้สึกนึกคิดของปุถุชนทั่วไป แต่หากว่าเป็นความรู้สึกที่แสดงถึงความรัก ความห่วงใย ความคิดถึงคะนึงหาจะเป็นช่วงเวลาที่แสนธรรมดาไม่มีความรู้สึกว่ายาวนานแต่ประการใด และสำหรับความรัก ความโหยหวนเรียกหาของบรรดาผู้ศรัทธาที่มีต่อท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม นับว่ายังคงมีอย่างเต็มเปี่ยมไม่ผุกร่อนหรือสูญหายไปตามการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา เสียงเพรียกหาต่อจริยวัตร (สุนนะฮฺ) ของท่านยังคงมีอยู่อย่างหนักแน่น เจตนารมณ์และอุดมการณ์ของท่านยังคงมีบรรดาผู้ศรัทธานำมาฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องจากยุคหนึ่งไปสู่อีกยุคหนึ่ง ทุกครั้งที่นามของท่านถูกเอ่ยขึ้นผู้ศรัทธาต่างกล่าวสรรเสริญยกย่อง ชีวประวัติอันยิ่งใหญ่ของท่านถูกนำมาศึกษาวิจัยอย่างเจาะลึกในทุกแง่มุมของการดำเนินชีวิต จรรยามารยาทอันดีงามถูกนำมาปฏิบัติพร้อมทั้งเป็นคำสั่งสอนในการหล่อหลอมบุตรหลาน ประวัติศาสตร์ในแต่ละช่วงตอนของท่านตั้งแต่ยังเยาว์เป็นเด็กกำพร้าอาศัยกับคุณลุงที่มีสภาพทางเศรษฐกิจไม่ดีต้องเลี้ยงแกะ แพะ รับจ้างทั้งหมดล้วนเป็นฉากของการเรียนรู้ที่น่าประทับใจยิ่งนัก


ผลการสำรวจจากทั่วทุกมุมโลกพบว่าชื่อ “มุฮัมมัด” เป็นชื่อที่ถูกใช้เรียกมากที่สุด เพราะอะไร? ทำไม? ไม่ใช่เพราะความดีงามที่เกินจะบรรยายได้กระนั้นหรือ!! ถึงแม้ศัตรูอิสลามใช้ความพยายามที่จะลบล้าง ขีดกาชื่อของท่านออกจากบริบทหรือทำเนียบ ”อัครอภิมหาบุรุษโลก” แต่ความพยายามบวกกับการลงทุนอย่างมหาศาลชนิดไม่สามารถประมาณการณ์ได้ของพวกเขา ถือว่าล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดหวังไว้ ศัตรูพยายามให้ร้ายป้ายสี พยายามทำให้ชีวประวัติของท่านมัวหมอง แต่ผลลัพธ์กลับไม่ใช่ มันยิ่งเพิ่มทำให้ผู้คนกลับมาสนใจถึงชีวประวัติของท่านและเรื่องราวอิสลามมากยิ่งขึ้น


ท่านคือ..สามีที่แสนอบอุ่นของบรรดาภริยา
ท่านคือ..ยอดบิดาที่แสนดีของบรรดาลูกหลาน
ท่านคือ..สุดยอดแห่งผู้นำทั้งด้านกริยา ท่าทาง คำพูด การกระทำของบรรดาอัครสาวก
ท่านคือ..อิมาม แม่ทัพ ผู้พิพากษา พ่อค้า คนเลี้ยงแพะ คนเก็บฟืน ฯลฯ
ท่านเป็นผู้ปฏิบัติตนที่ดี มีอะมานะฮฺ รักษาสัญญาต่อผู้ที่ปฏิสัมพันธ์ทุกผู้ทุกนามไม่ว่าจะมุสลิมหรือชนต่างศาสนิก
ท่านคือ..ศาสนทูตท่านสุดท้ายแห่งมวลมนุษยชาติ ถูกส่งมาเพื่อนำความดีงามและแผ่ความเมตตาให้แก่มวลมนุษย์ในสากลโลกโดยไม่จำกัดเพศ จำกัดวัย ศาสนาหรือชาติพันธุ์ หรือแม้แต่ขอนไม้

อัลหะสัน อัลบัศรียฺ ได้เล่าถึงตอของต้นอินทผลัมที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เคยใช้เป็นที่ยืนคุฏบะฮฺแล้วท่านก็ทิ้งไปใช้มินบัรฺแทน โดยที่ตออินทผลัมนั้นถึงกับร้องไห้และมีเสียงได้ยินเหมือนอูฐที่กำลังถูกพรากลูก จนกระทั่งทุกคนที่อยู่ในมัสยิดก็ได้ยินเสียงนั้น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม จึงได้วางมือของท่านบนตออินทผลัมนั้น แล้วมันจึงหยุดร้องไห้” (รายงานโดยอัลบุคอรียฺ)

ทุกครั้งที่อัลบัศรียฺเล่าเรื่องนี้เขาจะกล่าวว่า “โอ้บรรดามุสลิมทั้งหลาย...ขอนไม้ยังร้องไห้กับท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ด้วยความเพรียกหาที่จะได้พบเจอกับท่าน และพวกท่านทั้งหลายย่อมมีความจำเป็นมากยิ่งกว่าที่จะต้องควรเพรียกหาเพื่อที่จะได้พบเจอกับท่านมากกว่าขอนไม้นั้นเสียอีก”

ภาพของการแสดงออกถึงความคะนึงหา หวงแหนของบรรดาเศาะหาบะฮฺ บรรดาตาบิอีนที่มีต่อท่านรอซูลไม่ได้หยุดเพียงแค่การแสดงออกด้วยการมอบความรักและโหยหาต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม เพียงเท่านั้น แต่พวกเขายังปฏิบัติตามจริยวัตรของท่านในทุกอริยาบทของการดำเนินชีวิต เพื่อเป็นการทดแทนต่อสิ่งที่ขาดหายและสิ่งที่พวกเขาไม่ทันจะได้รับจากท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม

หนึ่งจากตัวอย่างของบรรดาเศาะหาบะฮฺ คือท่านอบูบักรฺ อัศศิดดีก เราะฏิยัลลอฮฺอันฮุ ขณะที่ท่านป่วยหนักก่อนที่จะเสียชีวิตอันเนื่องจากความป่วยในครั้งนี้ ท่านได้ถามอาอิชะฮฺบุตรสาวว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม ได้เสียชีวิตในวันไหน? ท่านหญิงตอบว่า ท่านรอซูลุลลอฮฺเสียชีวิตในวันเสาร์ ท่านอบูบักรฺกล่าวว่า ฉันหวังว่าจะได้ปฏิบัติตามสุนนะฮฺของท่านรอซูลโดยการเสียชีวิตในวันจันทร์เช่นเดียวกับท่านรอซูล และในที่สุดอัลลอฮฺได้กำหนดให้ท่านเสียชีวิตในวันดังกล่าว
สุบฮานัลลอฮฺ!!! แม้กระทั่งการเสียชีวิตท่านยังปรารถนาให้ได้ปฏิบัติตามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม (เรื่องเล่าความหมายโดยสรุปซึ่งผู้เขียนได้รับฟังจากคำบรรยายของเชคสะอัด อัลบุร็อยกฺ)

ส่วนตัวอย่างจากแกนนำของบรรดาตาบิอีนอย่างเช่น อบู มุสลิม อัลเคาลานียฺ ได้กล่าวว่า “บรรดาเศาะหาบะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม คิดหรือว่าพวกเขาเท่านั้นที่มีสิทธิในตัวท่านโดยไม่ยอมแบ่งปันให้พวกเราบ้าง? ขอสาบานต่ออัลลอฮฺว่า พวกเราจะยื้อแย่งกับพวกเขาเพื่อ(ได้มีสิทธิใกล้ชิดกับ)ท่านรอซูล กระทั่งให้พวกเขาได้รู้ว่ายังมีคนรุ่นหลังที่สมควรเรียกว่าเป็นเหล่าวีรบุรุษเช่นกัน”

แล้วพวกเราล่ะ...อยู่ตรงไหนของประชาชาติมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม จริยวัตรเพียงง่ายๆ อีกมากมายที่พวกเราต่างเมินเฉย บางอย่างเป็นสุนนะฮฺที่ถูกลืม...ไม่เป็นที่รู้จักในสังคม เป็นจริยวัตรที่รอการฟื้นฟู...

นับประสาอะไรกับขอนไม้อย่างตออินทผลัมที่ไม่ชีวิต ไร้ความรู้สึกนึกคิด!!! แต่ยังร้องไห้เพรียกหาต่อท่านรอซูลุลลอฮฺ

แล้วพวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อัลลอฮฺทรงให้สติปัญญา ยังไม่คิดสำเหนียกอีกหรือ??

โปรดจงพิจารณา ใคร่ครวญเถิด ...

 


ด้วยเกียรติแห่งมิตรภาพ
ยูซุฟ อบูบักรฺ

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).