Loading

 

เอกภาพของประชาชาติเหนือสิ่งอื่นใด

????????? ?????????? ?????????? ????? ????????????
????? ?????? (ครั้ง9) ????? ?????? ??????? ???????? ???? ??????? ??????????? ????? ???????? ???????????
????? ???????? ???? ?????????? ???????????????? ???????????????? ?????????? ????????? ?????????? ??????? ???? ???????? ??????????? ?????? ?????????? ???????????? ? ???? ???????? ????? ???? ??????? ???? ? ?????? ???????? ???? ??????? ???? ? ?????????? ???? ??? ?????? ?????? ????? ???????? ??? ???????? ???? ? ?????????? ????? ?????????? ???????? ???????????? ? ??????????? ????? ????????? ????????? ????? ?????????? ????????? ??????? ????? ?????????? ???????????? ?????? ??????? ????? ??????? ???? ???????????? ?????????? ????????? ???? ?????? ????? ??????????????.
??? ?????: (??? ???????? ????????? ??????? ???????? ??????? ????????? ??????? ????????? ???????? ?????? ????????????? ?????????? ?????? ??????????? ????? ?????? ??????? ??????????? ?????? ????? ??????? ????????) (??????? : 70-71 )

พี่น้องชาวอีดิลอัฎฮาที่เคารพทุกท่าน

ขอชูโกรต่อเอกอัลลอฮฺที่ทรงประทานโอกาสแก่เราร่วมเฉลิมฉลองในเช้าวันอีดิลอัฎฮา ฮ.ศ. 1428 พร้อมๆ กับประชาชาติมุสลิมทั่วโลกด้วยการเปล่งเสียงตักบีร ????? ???????? (อัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่) ที่ก้องกังวาลดังกระหึ่มไปทั่วหล้า เพื่อป่าวประกาศแก่ชาวโลกว่า ไม่มีอำนาจใดจะยิ่งใหญ่เทียบเคียงอำนาจของอัลลอฮฺ ไม่มีพลังความสามารถใดๆ จะเสมอเหมือนพลังความสามารถของอัลลอฮฺ และไม่มีความเพียรพยายามและพละกำลังใดๆ จะทำการให้สำเร็จลุล่วงได้เว้นแต่ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺเท่านั้น

????? ?????? ????? ??????? ?????? ?????? ? ????? ???????? ????? ???????? ???? ????????? ???????? ????????

วันนี้ ประชาชาติมุสลิมทั่วโลกประมาณ 2.5 ล้านคน โดยในจำนวนนี้ มีพี่น้องมุสลิมจากประเทศไทยจำนวน 15,000 คนได้หลั่งไหลเข้าสู่มหานครมักกะฮฺเพื่อเป็นอาคันตุกะของอัลลอฮฺ และตอบรับคำเชิญชวนของพระองค์ด้วยการประกอบพิธีฮัจญ์โดยที่แต่ละคนจะเปล่งเสียง

????????? ????????? ????????? ????????? ?? ???????? ???? ????????? ????? ????????? ????????????? ???? ?????????? ?? ???????? ????

เพื่อป่าวประกาศว่าแต่ละคนได้ตอบรับคำเชิญชวนของอัลลอฮฺแล้ว
การหลั่งไหลของคลื่นมนุษย์เข้าสู่มหานครมักกะฮฺในพิธีฮัจญ์นี้ เปรียบเสมือนกับการหลั่งไหลของแม่น้ำ ลำคลองนับล้านๆ สายที่ไหลลงสู่มหาสมุทร เป็นการหลอมรวมกระแสน้ำจากหลากแหล่งหลายที่มาให้เป็นน้ำหนึ่งเดียว ประชาคมโลกทั่วทุกสารทิศที่ข้ามโพ้นพรมแดนด้านชาติพันธุ์ ภาษา ยศฐาบรรดาศักดิ์และวัฒนธรรมได้หลั่งไหลเข้าสู่มหาสมุทรแห่งมนุษยชาติที่มหานครมักกะฮฺ ผ่านกระบวนการการหลอมรวมของพิธีฮัจญ์ ซึ่งทำให้ผู้คนเหล่านั้นกลายเป็นกระแสน้ำหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งด้านความตั้งใจและวัตถุประสงค์ รูปแบบและวิธีการ สถานที่และแหล่งปฏิบัติ แม้กระทั่งเสื้อผ้าอาภรณ์นอกกาย ทุกคนพร้อมใจปฏิบัติอย่างเป็นเอกรูปและน้ำหนึ่งใจเดียว ด้วยหัวใจที่สำรวม นอบน้อมและยอมศิโรราบในความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ ผู้ทรงบริหารจัดการสากลจักรวาล
ปรากฎการณ์อันน่ามหัศจรรย์ในมหกรรมประจำปีของมนุษยชาตินี้ มิเพียงแต่แสดงถึงความเป็นสากลจักรวาลของสาสน์อิสลามเท่านั้น หากยังเป็นภาพสะท้อนของวิถีชีวิตที่มีความผูกพันและตอบรับการเชิญชวนของอัลลอฮฺ ด้วยพลังแห่งความเป็นเอกภาพ อากัปกิริยาที่นอบน้อม จรรยามารยาทอันสูงส่งและการมีปฏิสัมพันธ์อันดีงาม ทั้งต่อตนเอง สิ่งแวดล้อมรอบข้างและเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายหรือองค์กรระดับสากลทั่วโลกไม่มีความสามารถแม้เพียงจินตนาการที่จะริเริ่มดำเนินการโครงการอันยิ่งใหญ่นี้ได้อย่างต่อเนื่องยาวนานนับพันๆ ปี มาตรแม้นจะทุ่มเทงบประมาณและสรรพกำลังจำนวนมหาศาลเพียงใดก็ตาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ผู้ประกอบพิธีฮัจญ์ทุกคน มุ่งมั่นยกระดับจิตใจและพัฒนาความประพฤติเพื่อได้รับฮัจญ์มับรูรฺ ซึ่งเปรียบเสมือนดังเบ้าหลอมสำหรับการสร้างประชากรผู้ทรงคุณธรรมและมีคุณภาพ มีภูมิคุ้มและเรืองปัญญา เหมาะสมกับการเป็นชาวสวรรค์ที่นอบน้อมต่ออัลลอฮฺ และเอื้ออาทรต่อบ่าวของพระองค์ เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาสังคมและประเทศอย่างยั่งยืน และนำสู่การสถาปนาความเป็นเอกภาพของประชาชาติที่ดีเลิศ ผู้เผยแผ่สันติภาพและมอบความโปรดปรานแห่งอิสลามแก่สากลจักรวาล

????? ???????? ????? ???????? ???? ??????????????? ????????

พี่น้องชาวอีดิลอัฎฮาที่เคารพทุกท่าน
ณ มิมบัรแห่งนี้ ขอทบทวนความทรงจำของพี่น้องทุกท่านให้หวนรำลึกเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์อิสลามซึ่งเกิดขึ้นในปีที่ 10 ฮ.ศ. ซึ่งนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม พร้อมด้วยบรรดาเศาะหาบะฮฺจำนวนกว่า100,000 คน ได้เดินทางเข้าสู่มหานครมักกะฮฺเพื่อประกอบพิธีฮัจญ์อำลาอย่างพร้อมเพรียงกัน ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความ บะเราะกะฮฺนี้ นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม มีโอกาสอ่านคุตบะฮฺจำนวน 4 ครั้งด้วยกัน คือ 1) คุตบะฮฺในวันที่ 7 ซุลฮิจญะฮฺ 2) คุตบะฮฺวันอะเราะฟะฮฺ (วันที่ 9 ซุลฮิจญะฮฺ) 3)คุตบะฮฺวันอีดิลอัฎฮา (วันที่ 10 ซุลฮิจญะฮฺ) และ4) คุตบะฮฺวันที่12 ซุลฮิจญะฮฺ คุตบะฮฺทั้งสี่วาระดังกล่าว ถือเป็นองค์รวมแห่งสาสน์อิสลามซึ่งสามารถสรุปประเด็นหลักๆ ได้ดังนี้
1. ด้านการศึกษา โดยการสร้างความเข้าใจและให้ความรู้แก่บรรดามุสลิมีนเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมสำหรับการประกอบพิธีฮัจญ์มับรูรฺซึ่งไม่มีผลตอบแทนใดๆที่คู่ควร เว้นแต่สรวงสวรรค์ของอัลลอฮฺเท่านั้น เพื่อตอบสนองคำเชิญชวนของอัลลอฮฺ ภายใต้บรรยากาศความเป็นภราดรภาพสากลและแสดงตนเป็นบ่าวผู้เคารพภักดี
2. ด้านความมั่นคงของมนุษย์ ได้ประกาศเจตนารมณ์อิสลามว่าด้วยชีวิต ทรัพย์สมบัติและเกียรติยศของมนุษย์ ซึ่งผู้ใดก็ไม่มีสิทธิละเมิดรุกรานโดยเด็ดขาด
3. ด้านทักษะการดำเนินชีวิต อิสลามปฏิเสธทุกกิจการและพฤติกรรมที่เป็นญาฮิลียะฮฺ(แนวคิด ความเชื่อและพฤติกรรมที่ปฏิเสธทางนำแห่งอัลลอฮฺ) และสิ่งใดที่ขัดแย้งกับแบบฉบับที่นำเสนอโดยนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ถือเป็นโมฆะและไม่มีคุณค่าตามทัศนะอิสลาม
4. ด้านเศรษฐกิจ อิสลามถือว่าการประกอบธุรกิจที่ใช้ระบบดอกเบี้ย เป็นส่วนหนึ่งของพฤติกรรม ญาฮิลียะฮฺที่อิสลามปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
5. ด้านสังคมและครอบครัว กำชับให้ทุกคนให้ความสำคัญกับสตรีและมอบสิทธิที่สตรีพึงได้ในฐานะคุณแม่ ภรรยาและลูกสาวด้วยคำสอนของอิสลาม
6. ด้านการนำต้นแบบสำหรับการดำเนินชีวิต อิสลามได้สั่งเสียให้มุสลิมรับมรดกอันล้ำค่าที่นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม มอบไว้แก่ประชาชาติ เพื่อเป็นหลักชัยสู่ความสำเร็จทั้งในโลกดุนยาและโลกอาคีเราะฮฺ พร้อมให้หลักประกันว่า ตราบใดที่มนุษย์ยึดมั่นในหลักชัยดังกล่าว มนุษย์จะไม่หลงทางแน่นอน หลักชัยดังกล่าวคืออัลกุรอานและสุนนะฮฺ
7. ด้านหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยมอบภารกิจหลักแก่ประชาชาติมุสลิมให้ทำหน้าที่เผยแพร่ความดีงามแก่มวลมนุษยชาติ
ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ประการดังกล่าว นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้วางรากฐานสร้างสังคมใหม่ด้วยพลังศรัทธาที่สะอาดบริสุทธิ์ สานสายใยความผูกพันแห่งภราดรภาพที่มั่นคง มีความเอื้ออาทร ยึดมั่นในคุณธรรมจริยธรรมอันสูงส่งภายใต้การนำของผู้นำผู้ธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม มีความรับผิดชอบ ซื่อสัตย์สุจริต จิตที่มุ่งมั่นอาสา หัวใจที่ยำเกรงและใฝ่อาคีเราะฮฺ
ยุคของนบีมูฮัมมัดศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ถือเป็นยุคที่ดีเลิศของมนุษยชาติ เพราะท่านได้วางรากฐานของการใช้ชีวิตบนโลกนี้ไว้อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนสำหรับมุสลิมในการใช้ชีวิตร่วมกันกับสังคมอื่นในทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบหรือได้เปรียบ อ่อนแอหรือเข้มแข็ง ช่วงพลัดถิ่น (ถูกเนรเทศ) หรือช่วงที่สามารถสร้างรัฐได้อย่างเป็นปึกแผ่น ทุกสถานการณ์ดังกล่าว นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม สามารถประยุกต์ใช้คำสอนของอิสลามได้อย่างถูกต้องและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอัลกุรอานและสุนนะฮฺอย่างแท้จริง
ตลอดระยะเวลาการใช้ชีวิตของนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้ประสบพบเห็นและมีโอกาสเข้าร่วมในสถานการณ์อันมากมายและหลากหลาย ท่านเคยเข้าร่วมต่อสู้ในสมรภูมิสงคราม ท่านเคยร่วมอยู่ในบรรยากาศการหย่าศึก ทำสนธิสัญญาสันติภาพ สร้างสัมพันธไมตรีอันดีงามกับสังคมระหว่างประเทศ ท่านเคยใช้ชีวิตที่โดดเดี่ยวท่ามกลางการบอยคอตทางสังคม ท่านเคยอยู่ในบรรยากาศการยั่วยุของฝ่ายตรงกันข้ามให้เกิดการปะทะทางสังคม ท่านเคยถูกตามล่าหมายชีวิตจนแทบเอาตัวไม่รอดและท่านเคยใช้ชีวิตในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศที่ฝ่ายตรงกันข้ามเกรงขามพร้อมกับเหล่าทหารหาญที่เต็มใจรับคำสั่งจากท่านแม้นว่าต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม ปรากฎการณ์เหล่านี้ นับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่มุสลิมทุกคนต้องศึกษาทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง มุสลิมควรตระหนักว่า ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือไม่รอบด้านตลอดจนการประยุกต์ใช้หลักศาสนบัญญัติที่ไม่ถูกต้อง ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สังคมมุสลิมต้องประสบกับภาวะเสื่อมถอยและล้าหลัง โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคโลกาภิวัฒน์ที่ทำให้โลกนี้เปรียบเสมือนเป็นหมู่บ้านเล็กๆ เพียงหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้น ยิ่งเพิ่มความจำเป็นต่อการศึกษาและทำความเข้าใจชีวประวัติของนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ให้ลึกซึ้งและถึงแก่นแกนยิ่งขึ้น
นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม เคยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยการส่งสารเชิญชวนผู้นำและองค์ประมุขของแต่ละประเทศให้เข้ารับอิสลามด้วยจริยธรรมอันดีงาม ท่านเคยอนุญาตบรรดาเศาะหาบะฮฺ (อัครสาวก) อพยพลี้ภัยไปยังประเทศเอธิโอเปียที่ปกครองโดยกษัตริย์ที่ดำรงไว้ซึ่งคุณธรรมทั้งๆ ที่พระองค์ไม่ได้เป็นมุสลิม ท่านเคยเดินทางไปเผยแผ่อิสลาม ณ เมืองฏออิฟ จนกระทั่งท่านถูกทำร้ายโดยชาวพื้นเมือง และต้องหาแหล่งพำนักพักพิงอาศัยบ้านของมัฏอัม บิน อะดิย์ ซึ่งยังไม่ได้เป็นมุสลิมเช่นเดียวกัน ท่านเคยเป็นหนึ่งในจำนวนผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากมติประชาคมของชาวกุเรชที่ตัดความสัมพันธ์กับชนตระกูลฮาซิมและตระกูลมุฏฏอลิบ (ซึ่งเป็นต้นตระกูลของนบีมูฮัมมัด) โดยที่คนสองตระกูลดังกล่าวก็ไม่ยอมให้นบีถูกทำร้ายย่ำยีอย่างไม่ยุติธรรม พวกเขาพากันประสานสามัคคีปกป้องนบีในฐานะเป็นสมาชิกร่วมตระกูล โดยที่พวกเขาบางส่วนก็ยังไม่ได้เป็นมุสลิมด้วยซ้ำ แต่พวกเขายอมทนทุกข์ทรมาน ฟันฝ่าความยากลำบากพร้อมกับนบีเป็นเวลานานถึง 3 ปี จนกระทั่งพวกเขาซึ่งมีทั้งผู้หญิง คนเฒ่าคนแก่และลูกเล็กเด็กแดง ต้องฝืนกินใบไม้และหนังสัตว์ที่แห้งกรอบแทนอาหารเพียงเพื่อประทังชีวิตไปวันๆ
ในขณะที่นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม มีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น ท่านเคยเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในสัญญาประชาคมที่ชาวกุเรชได้ตกลงร่วมกันว่าจะไม่รุกรานและไม่สร้างความอยุติธรรมระหว่างกัน ทุกคนจะได้รับการปกป้องจากการกดขี่ข่มเหงในสังคม ถึงแม้สัญญาดังกล่าวไม่ใช่เป็นผลงานของท่าน แต่ท่านก็เต็มใจเข้าร่วมเป็นสักขีพยานเพราะเนื้อหาในสัญญาดังกล่าวสอดคล้องกับสิ่งที่อิสลามเรียกร้องตลอดมา ตราบจนท่านได้รับความเมตตาจากอัลลอฮฺแต่งตั้งเป็นรสูลุลลอฮฺ เหตุการณ์ดังกล่าวก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของท่านตลอดเวลา จนกระทั่งท่านเคยกล่าวว่า “ฉันเคยได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานการทำสัญญาประชาคมที่บ้านของอับดุลลอฮฺบินญัดอาน ซึ่งหากฉันได้รับเชิญให้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในสนธิสัญญาที่มีเนื้อหาในลักษณะดังกล่าวอีกครั้ง ฉันก็ยินดีเข้าร่วมอย่างแน่นอน” ท่านกล่าวคำพูดนี้ ณ นครมะดีนะฮฺในขณะที่ท่านเป็นผู้นำสูงสุดที่มีอำนาจเหนือแผ่นดินฮิญาซทั้งหมด
นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้สร้างกุศโลบายด้านสันติภาพครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์การเผยแผ่อิสลามด้วยการอนุญาตให้บรรดามุสลิมีนซึ่งอาศัยอยู่ในนครมักกะฮฺอพยพลี้ภัยไปยังนครมะดีนะฮฺ ทั้งๆ ที่ชาวมุสลิมในช่วงนั้นไม่ได้ตกเป็นฝ่ายที่อ่อนแอหรืออยู่ในภาวะที่ไม่สามารถตอบโต้ได้ ประวัติศาสตร์ในช่วงนั้นได้จารึกว่า หลังจากการเผยแผ่แก่ชาวมักกะฮฺที่ใช้เวลา 13 ปี ชาวกุเรชเกือบทุกเผ่าและวงศ์ตระกูล ต่างก็ศรัทธาต่อศาสนาใหม่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเข้ารับอิสลามของอุษมานบินอัฟฟาน อับดุลรอฮมานบินเอาวฟ อุมัรบินค็อฏฏอบและหัมซะฮฺบินอะบีฏอลิบ ซึ่งถือเป็นบุคคลผู้ทรงอิทธิพลและเป็นแกนนำสำคัญของเผ่าต่างๆ ซึ่งนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม สามารถใช้โอกาสนี้จุดชนวนและเติมเชื้อเพลิงก่อสงครามกลางเมืองได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการปลุกปั่นกระแสความอยุติธรรมในสังคมที่มีการเอารัดเอาเปรียบในทุกรูปแบบเข้าทำนองปลาใหญ่กินปลาเล็ก ถูกกดขี่ข่มเหงจากอภิสิทธิ์ชนอย่างไร้มนุษยธรรมมาโดยตลอด แต่ท่านเลือกแนวทางสันติภาพและกำชับให้ศรัทธาชนใช้ความอดทนและให้อภัยอันสูงส่งที่ไม่สามารถแบกรับโดยสามัญชนและผู้มีอีมานอ่อนแอ
เพราะอิสลามถือว่า การที่จะแก้ปัญหาความอยุติธรรม ไม่จำเป็นต้องลบล้างด้วยการใช้ความอยุติธรรม อิสลามไม่ต้องการทำลายอำนาจเก่าที่กดขี่ข่มเหงแล้วสถาปนาอำนาจใหม่ที่กดขี่ข่มเหงเช่นเดียวกันขึ้นมาแทนที่ อิสลามไม่มีวัตถุประสงค์ปราบปรามความชั่วร้ายที่มีอยู่เดิมด้วยการสร้างความชั่วร้ายใหม่ทดแทน อิสลามไม่ได้ตั้งเป้าหมายแย่งชิงและกอบโกยทรัพยากรรวมทั้งผลประโยชน์ต่างๆ เพื่อสถาปนาความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ อิสลามไม่มีเจตนาสร้างรัฐอันตพาลที่เที่ยวระรานเกเรประเทศหรือประชาชนที่อ่อนแอกว่า สิ่งเหล่านี้ไม่อยู่ในสารบบคำสอนของอิสลาม และทุกคนไม่มีสิทธิแอบอ้างอิสลามเพื่อกระทำสิ่งเหล่านั้น ประการเดียวที่เป็นภารกิจหลักของอิสลามคือการเผยแผ่ความดีงามและสร้างอารยธรรมอันสูงส่งแก่มนุษยชาติ
นบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม เคยเข้าร่วมข้อตกลงในสนธิสัญญาหุดัยบียะฮฺกับชาวกุเรชในบรรยากาศที่เชื้อไฟแห่งสงครามระหว่างสองฝ่ายกำลังลุกโชนอย่างกว้างขวาง กอปรกับเนื้อหาในสนธิสัญญาดังกล่าว หากมองอย่างผิวเผินแล้ว ฝ่ายมุสลิมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ถึงขนาดเศาะหาบะฮฺส่วนใหญ่แสดงความไม่พอใจและไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่งของนบีในเบื้องต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอุมัรบินค็อฏฏอบ แต่ในทัศนะอิสลามแล้ว สนธิสัญญาดังกล่าวถือเป็นยุทธศาสตร์แห่งสันติภาพที่อัลกุรอานระบุว่าเป็นชัยชนะอันชัดแจ้งเลยทีเดียว ดังที่อัลลอฮฺ ได้ตรัสว่า

(?????? ????????? ???? ??????? ?????????) (????? : 1 )

ความว่า “แท้จริงเราได้ให้ชัยชนะแก่เจ้า ซึ่งเป็นชัยชนะอย่างชัดแจ้ง” (48/1)

ภายหลังจากนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อพยพสู่นครมะดีนะฮฺ และหลังจากที่ท่านได้วางรากฐานของสังคมใหม่ที่สมานฉันท์และเข้มแข็งแล้ว ภารกิจแรกที่ท่านได้ปฏิบัติก็คือส่งสารถึงผู้นำและเจ้าเมืองต่างๆ เพื่อประกาศนโยบายของอิสลามที่ยึดมั่นความเป็นภราดรภาพในอิสลาม เป็นประชาชาติอันเดียวกัน มอบสิทธิและหน้าที่ที่พึงได้ให้แก่ชนต่างศาสนิกซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐอิสลาม พร้อมกับนำเนื้อหาของสารดังกล่าวมาปฏิบัติในโลกแห่งความเป็นจริงโดยใช้มาตรฐานหรือมาตรวัดอันเดียวกัน ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือเลือกที่รักมักที่ชัง
หลังจากนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กลับสู่ความเมตตาของอัลลอฮฺ บรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงคุณธรรมต่างก็เจริญรอยตามนโยบายของท่านด้วยดีเสมอมา ดังกรณีที่เกิดขึ้นในสมัยเคาะลีฟะฮฺอุมัรที่ได้เปิดเมืองปาเลสไตน์ ซึ่งอิสลามได้ให้เกียรติและมอบสิทธิแก่ชนพื้นเมืองในการประกอบพิธีทางศาสนาตามความเชื่ออย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์ของการพิชิตเมืองใดๆ ของมนุษยชาติ ทุกท่านน่าจะศึกษาเชิงเปรียบเทียบด้วยหัวใจที่เปิดกว้างระหว่างการเปิดเมืองในอิสลามกับวัฒนธรรมล่าเหยื่อที่ดำเนินการโดยชาติมหาอำนาจทั้งในอดีตและปัจจุบันว่ามีความแตกต่างเพียงใด โลกได้รับผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบจากสองขั้วอำนาจดังกล่าวไปในทิศทางใดบ้าง
ปรากฏการณ์ดังกล่าวข้างต้น ถือเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญสำหรับชาวมุสลิมที่จะต้องยึดเป็นแบบอย่างในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับชนต่างศาสนิก โดยที่บรรดาอุละมาอฺ (ผู้รู้) คือผู้ที่ได้รับมอบหมายชี้แจงและให้ความกระจ่างในข้อปลีกย่อยต่างๆ อย่างเป็นธรรม มีความถูกต้องและสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอิสลาม ทั้งนี้เนื่องจากในความเป็นจริงของสังคมในทุกยุคทุกสมัย จะประกอบด้วยชุมชนอันหลากหลายทั้งความเชื่อ เจตคติ ศาสนาและชาติพันธุ์ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของมุสลิมที่จะต้องศึกษาและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพื่อสามารถนำบทบัญญัติดังกล่าวเป็นบรรทัดฐานในภาคปฏิบัติอย่างถูกต้องต่อไป
สนธิสัญญาต่างๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นคุณค่าอันสูงส่งของอารยธรรมอิสลาม ซึ่งมีอาณาเขตและปริมณฑลอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีใครที่สามารถตีความอารยธรรมอิสลามภายใต้กรอบอันคับแคบหรือถูกจำกัดด้วยเวลาหรือสถานที่ได้ เว้นแต่ผู้นั้นเป็นผู้ไม่รู้จริงในศาสนาหรือถูกปิดบังด้วยความรู้สึกอคติส่วนตัว อิสลามเป็นศาสนาสากล ดังนั้นประชาชาติมุสลิมจึงมิอาจขังตัวเองอยู่ในปริมณฑลแห่งความเป็นท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้าใจสารัตถะศาสนาที่จำเป็นต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์ของนักวิชาการระดับสากลที่ได้รับการยอมรับทั้งชื่อเสียงและผลงาน ทั้งนี้เพราะความเข้าใจบทบัญญัติทางศาสนากับข้อเท็จจริงของมนุษยชาติ หากไม่บรรจบกันแล้ว ย่อมก่อผลเสียและทำร้ายสังคมมากกว่าการสร้างสรรค์ การเข้าไม่ถึงแก่นแกนของอิสลามอาจทำให้คนบางคนกลับไปส่งเสริมความเลวร้าย เพราะหลงคิดว่าเป็นสิ่งดี หรือยับยั้งความดีเพราะเข้าใจผิดคิดเอาเองว่าเป็นสิ่งชั่ว ซึ่งกลายเป็นบ่อเกิดแห่งวิกฤติอันใหญ่หลวงในสังคม ดังที่อิมามชาฟิอีย์ได้กล่าวไว้ว่า

??????? ???????? ??????? ??????????? # ?????????? ?????? ??????? ???????????

ความว่า “ความเลวร้ายใหญ่หลวง เกิดเมื่อปวงปราชญ์ฉีกจรรยาบรรณ แต่ความเสื่อมทรุดจะมากกว่านั้น หากคนเขลาทำตนเป็นคนเคร่งศาสนา”
มุสลิมทุกคนพึงตระหนักว่า อิสลามสามารถคงอยู่และเผยแพร่ได้ในสังคมอย่างกว้างขวาง ตราบใดที่สังคมนั้นห้อมล้อมด้วยบรรยากาศที่สงบสันติและอิสระเสรี ยามใดที่สังคมเกิดความโกลาหลวุ่นวายทุกหย่อมหญ้า มีความรุนแรงและเผชิญหน้าเป็นคู่อริกัน การเผยแผ่อิสลามก็แทบเป็นหมันและไม่สามารถมีบทบาทในการเข้าไปเคาะประตูหัวใจของผู้คนได้
สนธิสัญญาต่างๆ ที่ได้กระทำไว้ในสมัยนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม และสมัยบรรดาเคาะลีฟะฮฺผู้ทรงคุณธรรมจึงเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับมุสลิมปัจจุบัน ในอันที่จะศึกษาวิจัยเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติการปฏิสังสรรค์กับชนต่างศาสนิกอย่างสอดคล้องกับเจตนารมณ์อันแท้จริงของอิสลาม มุสลิมควรต้องศึกษาและทำความเข้าใจโจทย์ของสนธิสัญญาดังกล่าว เพื่อสามารถให้คำตอบกับปัญหาปัจจุบันได้อย่างถูกต้องแม่นยำ โดยอาศัยการชี้นำของอัลกุรอานและ สุนนะฮฺที่ได้รับการอรรถาธิบายโดยอุละมาอฺ (ผู้รู้) ผู้ทรงคุณธรรม

????? ???????? ????? ???????? ???? ??????????????? ????????

พี่น้องชาวอีดิลอัฎฮาที่เคารพทุกท่าน
หากเรามองสภาพสังคมมุสลิมปัจจุบัน ไม่ว่าในระดับภูมิภาคหรือนานาชาติ เราจะพบว่าสังคมมุสลิมกำลังประสบภาวะวิกฤติแทบทุกด้าน ในระดับประเทศ เรายังอยู่ในกลุ่มท้ายๆ ตารางจังหวัดที่มีผลการศึกษาของเยาวชนที่อยู่ในระดับต่ำสุด เรายังคงรักษาระดับของกลุ่มจังหวัดที่มีรายได้น้อยที่สุดอย่างเหนียวแน่น เราแทบไม่มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เรายังอยู่แถวหน้าในฐานะสังคมบริโภคแทบทุกเรื่องแม้กระทั่งวิถีคิดและวัฒนธรรม เราเป็นประชาชาติที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในแทบทุกเรื่อง นวนิยายของการถูกหลอกลวง ถูกบิดเบือนจากกลุ่มผู้ไม่หวังดียังคงหลอกหลอนสังคมนี้อย่างไม่ขาดสาย เรายังเป็นสังคมที่ไร้เดียงสาและถูกงูกัดในรูเดียวครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งๆ ที่เราอ่านหะดีษที่กล่าวว่า

« ?? ???????? ?????????? ???? ?????? ??????? ???????????» ???? ???????/6133

ความว่า “มุอฺมินจะไม่ถูกกัดในรูเดียวกันจำนวน 2 ครั้ง” (บันทึกโดยอัล-บุคอรีย์ 6133)

นอกจากนี้ เรายังพบว่า สังคมมุสลิมกำลังประสบปัญหาครอบครัวไร้ความอบอุ่นและไม่มีประสิทธิภาพ ครอบครัวมุสลิมแทบไม่มีบทบาทในการทำหน้าที่ให้การอบรมและปกป้องลูกหลานให้รอดพ้นจากการรุกรานทางวัฒนธรรมอันรุนแรงที่กระจายอยู่นอกบ้านอย่างดาษดา เยาวชนถูกปล่อยปละละเลย สังคมไม่ได้รับการดูแล ประชาชนตาดำๆ ขาดที่พึ่ง ยาเสพติดและสิ่งมึนเมากลายเป็นสินค้าหนึ่งหมู่บ้านหนึ่งผลิตภัณฑ์ไปแล้ว และที่สำคัญสังคมมุสลิมปัจจุบัน กำลังประสบภาวะภูมิคุ้มกันทางศาสนาบกพร่องอย่างรุนแรง เราสั่งซื้อสิ่งอำนวยความสะดวกและสิ่งบันเทิงเกือบทุกอย่างเข้ามาในบ้านยกเว้นอัลกุรอานและตำราทางศาสนา ส่วนหนึ่งของเยาวชนเกิดอาการสำลักทางวัฒนธรรมอันไร้ศีลธรรมและไร้ขอบเขต พวกเขากำลังเจริญรอยตามฝูงชนที่อัลลอฮฺทรงโกรธกริ้วและสาปแช่งจนกระทั่งยอมก้มหน้าก้มตาเข้ารูแย้กันแล้ว ในขณะที่ภาพรวมของสังคมกำลังจมปลักในวังวนแห่งความขัดแย้ง แบ่งพรรคแบ่งพวก หลงระเริงกับการเล่นเกมส์แย่งชิงผลประโยชน์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด สังคมมุสลิมปัจจุบันกำลังอยู่ในสภาพ “ไร้เจ้าภาพ” ที่จะรับผิดชอบการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นเหตุให้อยู่ในวังวนการหาแพะรับบาปซัดทอดกันไปมาไม่มีที่สิ้นสุด เรากำลังอยู่ในวงจรแห่งความถดถอยที่เลวร้ายยิ่งกว่าชื่อหนังสือของชะฮีดอับดุลกอดิรฺ เอาวดะฮฺที่เขียนหนังสืออันทรงคุณค่าซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1970 ภายใต้ชื่อว่า “อิสลาม : ท่ามกลางความเขลาของประชาคมมุสลิมและความอ่อนแอของบรรดาอุละมาอฺ (ผู้รู้)” โดยท่านได้เขียนในบทนำตอนหนึ่งว่า
“แท้จริง นับเป็นสิ่งที่น่าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่เห็นสภาพของบรรดามุสลิมต่างเดินแถวเข้าสู่วังวนแห่งความอ่อนแอ เกิดมาท่ามกลางความญาฮิล(ความไม่รู้ในศาสนา)ของอนุชนรุ่นแล้วรุ่นเล่า โดยที่พวกเขาไม่ทราบว่า สาเหตุอันแท้จริงที่ประสบเช่นนี้ ก็เพราะว่าพวกเขาไม่รู้ในสารัตถะของหลักศาสนบัญญัติ ไม่ปฏิบัติตามคำสอนของอิสลามในวิถีชีวิตอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่า การที่พวกเขาคล้อยตามทฤษฎีและระบบสังคมที่กำหนดโดยมนุษย์ด้วยกันเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา นั่นคือสาเหตุหลักของความหายนะที่นำพาพวกเขาสู่วัฏจักรแห่งความอ่อนแอและต่ำต้อย”
ณ มิมบัรแห่งนี้ ใคร่เชิญชวนพี่น้องมุสลิมทุกท่าน ตระหนักและให้ความสำคัญกับการสร้างความเป็นเอกภาพของประชาชาติมุสลิมตามนโยบายที่อิสลามได้กำหนดไว้ ด้วยการให้น้ำหนักกับการศึกษาในสารัตถะอิสลาม พร้อมยึดมั่นคำสอนอิสลามที่ถูกต้องและครบถ้วนสมบูรณ์ โดยการชี้นำจากบรรดาอุละมาอฺผู้ทรงคุณธรรมและเป็นที่ยอมรับ มีความยำเกรงอัลลอฮฺ และสำนึกในหน้าที่ ทุ่มเททำงานเพื่ออิสลาม มุ่งมั่นเผยแผ่ความดี สู่ความสำเร็จทั้งโลกนี้และอาคิเราะฮฺ อัลลอฮฺตรัสว่า

(??? ???????? ????????? ???????? ????????? ?????? ????? ????????? ????? ?????????? ?????? ???????? ????????????? ?????????????? ???????? ?????? ???????? ????? ???????????? ???????????? ???????? ?????? ?????????? ???? ??????? ???????? ????????? ?????? ??????????? ????????????? ???????????? ?????????? ????????? ?????? ????? ???????? ????? ???????? ???????????? ???????? ???????? ????????? ?????? ?????? ???????? ??????????? ???????????) (?? ????? : 102?103)

คงามว่า “โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺอย่างแท้จริงเถิด และพวกเจ้าจงอย่าสิ้นชีวิตเป็นอันขาด นอกจากในฐานะที่พวกเจ้าเป็นผู้นอบน้อมเท่านั้น และพวกเจ้าจงยึดสายเชือกของอัลลอฮฺโดยพร้อมกันทั้งหมดและจงอย่าแตกแยกกัน และจำรำลึกถึงความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีแต่พวกเจ้า ขณะที่พวกเจ้าเคยเป็นศัตรูกัน แล้วพระองค์ได้ทรงให้สนิทสนมกันระหว่างหัวใจของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าก็กลายเป็นพี่น้องกันด้วยความเมตตาของพระองค์ และพวกเจ้าเคยปรากฏอยู่บนปากหลุมแห่งไฟนรก แล้วพระองค์ก็ทรงช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากปากหลุมแห่งนรกนั้น ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงแจกแจงแก่พวกเจ้าซึ่งบรรดาอายะฮฺของพระองค์เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับทางนำ”(3/102-103)

??????? ????? ??? ???????? ??? ?????????? ??????????? ??????????? ???????????? ????? ?????? ???? ???????? ??????????? ??????????? ??????????? ?????? ?????????? ??????????? ??????? ???? ??????????? ???????????. ?????????????? ????? ??? ???????? ??????????? ??????????????? ???????????????? ????????????????? ?????????????? ???? ????? ?????? ?????????????? ??????? ???? ??????????? ???????????.

(คุตบะฮฺ ที่สอง)

????? ?????? (ครั้ง7) ????? ?????? ??????? ???????? ??? ??????? ????????? ????? ???????? ???????????
???????? ???? ???????? ? ?????? ???????? ? ???????????????? ????????? ???????? ???????? ?????????? ???????? ? ???????? ???? ??? ?????? ?????? ????? ???????? ??? ???????? ???? ? ?????????? ????? ?????????? ???????? ???????????? ? ??????????? ????? ????????? ????????? ????? ?????????? ????????? ??????? ????? ?????????? ???????????? ?????? ??????? ????? ??????? ???? ???????????? ?????????? ????????? ???? ?????? ????? ??????????????.
??? ????? : (??? ???????? ????????? ???????? ????????? ?????? ????? ????????? ????? ?????????? ?????? ???????? ????????????) (?? ????? : 102 )

ชาวอีดิลอัฎฮาที่เคารพทุกท่าน
เนื่องจากอิสลามเป็นวิถีชีวิตที่ครอบคลุมและมีความบริบูรณ์รอบด้านของมนุษยชาติ ดังนั้น จึงเป็นภารกิจสำคัญของมุสลิมทุกคน ที่จะต้องศึกษาเรียนรู้หลักคำสอนของอิสลามอย่างเข้าถึงและถูกต้อง ทั้งนี้เพราะอิสลามเป็นศาสนาแห่งคำวิวรณ์จากอัลลอฮฺ ที่สามารถเข้าใจโดยสติปัญญาที่สมบูรณ์ ทุกบทบัญญัติที่ปรากฏในคำสอนของอิสลาม ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับสติปัญญาและไม่ขัดแย้งกับจิตสำนึกอันเที่ยงแท้ของมนุษย์ ในขณะเดียวกัน สติปัญญาและจิตสำนึกของมนุษย์ ก็จำเป็นต้องได้รับการชี้นำจากอัลลอฮฺ
ประชาชาติมุสลิมจึงมีความจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายระดับสากลที่เชื่อมสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดเพื่อถกปัญหา วิเคราะห์บทสรุปและหาข้อยุติปัญหาที่เป็นความห่วงใยของสังคม อย่างสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของอัลกุรอานและสุนนะฮฺซึ่งมุ่งสถาปนาสันติภาพสู่สากลจักรวาล
โอกาสนี้ใคร่ฝากข้อตักตือนให้ทุกท่านกลับไปคิดและนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันด้วยคำตักเตือนบางประการดังนี้
1. จงยำเกรงอัลลอฮฺในทุกสภาวการณ์และสถานที่ และพึงทราบว่าด้วยความยำเกรงอัลลอฮฺเท่านั้น ทำให้เราพบกับอาทิตย์อุทัยแห่งทางนำและรอดพ้นจากความหายนะ ทั้งโลกนี้และอาคิเราะฮฺ
2. สังคมมนุษย์ในบางช่วงเวลา อาจเผชิญภาวะวิกฤติที่แทบไม่สามารถหาทางออกได้ แต่ในทัศนะอิสลามแล้ว มนุษย์จะไม่มีวันพบทางตันของชีวิต เพราะอิสลามได้เสนอทางออกสำหรับทุกปัญหาของสังคม และผู้ที่สมควรเป็นแสงเทียนที่ปลายอุโมงค์ในทุกครั้งที่เกิดวิกฤติสังคม ก็คือมุสลิมนั่นเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากวิกฤตินั้นเกิดขึ้นในสังคมมุสลิมด้วยกันเอง
3. พึงทราบว่า ยุทธศาสตร์ทั้ง 7 ประการที่ประกาศโดยนบีมูฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม ในช่วงฮัจญ์อำลา ถือเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างสังคมคุณภาพ ที่สังคมมุสลิมต้องศึกษาวิเคราะห์เพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อสถาปนาสังคมที่มีเอกภาพ มีความปรองดอง ช่วยเหลือเกื้อกูล พร้อมเป็นธงนำสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
4. สังคมมุสลิมต้องเรียนรู้ประสบการณ์ผลกระทบด้านต่างๆ ที่เป็นผลพวงของสงครามกลางเมือง การขัดแย้งระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ อันเป็นข้ออ้างสำหรับประเทศมหาอำนาจที่จะฉวยโอกาสยื่นมือเข้ามาสร้างความร้าวฉานในสังคมมุสลิมภายใต้สโลแกนการจัดระเบียบโลกและหรือสโลแกนที่สวยหรูอื่นๆ ดังกรณีที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศมุสลิมต่างๆ อาทิ อิรัก อัฟกานิสถาน เลบานอน ซูดานและโซมาเลีย
5. สังคมมุสลิมต้องตระหนักและให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตในสังคมพหุวัฒนธรรมในบรรยากาศที่เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ทุ่มเทพละกำลังในการแข่งขันกระทำความดี เผยแผ่ความดีงามแก่สากลจักรวาล ห่างไกลจากแนวคิดสุดโต่งในศาสนาอันเป็นต้นเหตุของความร้าวฉานและความแตกแยกในสังคม
6. สังคมมุสลิมต้องลุกขึ้นปกป้องชีวิต ทรัพย์สิน เกียรติยศและศักดิ์ศรีของมนุษย์ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ซึ่งอิสลามให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังหะดีษที่กล่าวไว้ว่า

)????????? ?????????? ???????? ???? ???? ???? ?????? ??????? ???????? ???????? ????? ( ???? ??????? / 3979

ความว่า “การมลายสูญหายของโลกนี้ทั้งใบ ยังมีสถานะที่เบากว่าการเข่นฆ่าชีวิตมุสลิมโดยปราศจากความชอบธรรม”

หะดีษอีกบทหนึ่งกล่าวว่า

)??????? ??? ??????? ?????? ???????? ????? ??????????? ??? ?????????? (???? ????/ 4381

ความว่า “คดีแรกที่จะถูกพิจารณาตัดสินในวันกิยามะฮฺคือคดีที่เกี่ยวข้องกับเลือด(ชีวิตมนุษย์)”

หะดีษอีกบทหนึ่งกล่าวว่า

) ???? ??????? ???? ?????? ???????? ???????? ???????? ?????? ????? ???????????? ????????? ?????? ?????????? ????? ???? ???????? ???? ( ???? ??? ???? /2620

ความว่า “ผู้ใดที่สนับสนุนให้ความช่วยเหลือในการฆ่าชีวิตมุอฺมิน แม้นด้วยครึ่งหนึ่งของคำพูด เขาจะพบกับอัลลอฮฺ(ในวันกิยามะฮฺ)ในสภาพที่ถูกจารึกระหว่างตาทั้งสองข้างว่า เป็นผู้สิ้นหวังที่จะได้รับความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ”

หะดีษดังกล่าวข้างต้น สอนให้เราทราบว่าอิสลามให้ความสำคัญกับการปกป้องรักษาชีวิต และไม่มีผู้ใดมีสิทธิ์มอบหรือทำลายชีวิตยกเว้นอัลลอฮฺผู้ทรงให้บังเกิดและทำให้สิ้นชีวิตเท่านั้น อิสลามสอนว่าการจะตัดสินประหารชีวิตหนึ่ง ต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมที่มีอำนาจอย่างเป็นทางการและได้รับการยอมรับโดยผ่านการตัดสินของผู้นำผู้ทรงคุณธรรม อิสลามจึงปฏิเสธระบบศาลเตี้ยและการใช้วิชามารเพื่อตัดสินชีวิตใครคนใดคนหนึ่ง เพราะการกระทำเช่นนั้นไม่เพียงแต่เป็นบ่อเกิดของความอยุติธรรมและปริมณฑลแห่งความหวาดกลัวเท่านั้น หากยังเป็นชนวนแห่งความวุ่นวายและความร้าวฉานในสังคมที่ไม่มีวันสิ้นสุดอีกด้วย (ขออัลลอฮฺทรงคุ้มครอง)
ในบรรยากาศอันประเสริฐนี้ จึงใคร่เชิญชวนพี่น้องมุสลิมได้โปรดหันหน้าเข้าหากัน ให้อภัยซึ่งกันและกัน พร้อมขอลุแก่โทษจากอัลลอฮฺด้วยหัวใจที่สำรวมนอบน้อม พร้อมยกระดับและพัฒนาคุณภาพชีวิตด้วยการมุ่งมั่นแข่งขันกันทำความดี โดยการซึมซาบปรัชญากุรบาน(การเชือดสัตว์พลี)สู่การเป็นประชาชาติอันประเสริฐที่ได้รับความเมตตาและการชี้นำจากอัลลอฮฺ ทั้งโลกนี้และอาคิเราะฮฺ

(??????? ?????? ??????? ?????????? ????????? ??????????? ?????????????? ???????????? ???? ?????????? ????????????? ????????) (?? ????? : 110 )

ความว่า “พวกเจ้านั้นเป็นประชาชาติที่ดียิ่งซึ่งถูกให้อุบัติขึ้นสำหรับมนุษยชาติ โดยที่พวกเจ้าใช้ให้ปฏิบัติสิ่งที่เป็นความดี และห้ามมิให้ปฏิบัติสิ่งที่มิชอบ และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ” (3/110)

???? ????? ?????????????? ?????????? ???? ???????? ??????????? ???????? ??????? ??????? ???????? ??????????? ??????????
?????????? ????? ????????? ????????? ????? ?????????? ????????? ??????? ????? ???????????? ???????????????? ?????? ?????????? ???????? ????? ?????? ?????????.
?????????? ??????? ???????????????? ???????????????? ????????????????? ???????????????? ?????????? ????? ????????? ????????? ?????? ??????????? ????????? ??? ??????????? ????????? ???????????? ????????????? ???? ??????? ????????? ????????????? ??? ??????? ?????????? ????? ?????????????? ??????? ????????????? ???? ????????? ????????????? ?????? ?????? ???????????? ??????? .?????????? ????? ??????? ??????????? ???????????? ??????? ?????????? ?????????????? ????????????? ??????????? ???? ???????? ??? ?????? ??????? ????? ?????? ???????????? ????????? ???? ???????? ?????????????? . ?????????? ??????? ???????????? ????????????????? ????????? ????????? ????????????????? ????????? ??????????? ????????? ?????????.????????? ????????? ????????????. ?????????? ???????? ???? ????? ??????? ?????????? ?????????? ????????.
?????????? ?????? ?????????? ????????? ????????????? ???? ?????????? ?? ??????????. ?????????? ?????? ?????????? ???? ????????? ??????? ????????? ????????? ?? ????????? ?????? ????? ???????????? ?????????????? ???? ???????? ??????? ????????? ????????? ??? ????????? ?????? ????? ??? ???????? ???????? ?????? ??? ?????????? ???????? ????? ?????????? ???????? ??????? ???????? ???????? .
??????? ???? ????? ????? ???????? ??????????? ?????????????? ??????????? ??? ?????????? ????????? ???? ???????????? ????????????? ??????????? ?????????? ??????????? ????????????? ???????????? ????? ???????????? ????????????? ????? ???????? ?????????? ????????????? ???? ???????? ?????????? ?????????? ????? ???????? ??????? ???????? ??? ????????????.


โดย มัสลัน มาหะมะ

 

 

 

 

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).