Loading

 

มาตรการ ป้องกันการซินา 2

      6 การลดสายตา

      การลดสายตา ในที่นี้หมายถึง การที่คนๆ หนึ่งระมัดระวังสายตาของตนเองด้วยการไม่มองสิ่งต้องห้ามหรือเบนสายตาไปทาง อื่นจากสิ่งที่หะรอม ซึ่งการยับยั้งสายตาจากสิ่งต้องห้ามนี้ จำเป็นต้องอาศัยอีมานที่มั่นคงและความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เพราะโดยสามัญสำนึกทั้งชายและหญิงต่างสนใจที่จะเพ่งมองเพศตรงกันข้าม ด้วยเหตุนี้อัลกุรอานจึงบัญชาให้ทั้งชายและหญิงลดสายตาจากการมองเพศตรงกัน ข้าม ดังที่อัลกุรอานกล่าวว่า

ความว่า

“จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)แก่บรรดามุมิน ให้พวกเขาลดสายตาของพวกเขาลงต่ำ(คือให้ระงับการมองหญิงแปลกหน้าที่ อนุญาตให้แต่งงานกันได้)

และให้พวกเขารักษาอวัยวะเพศของพวกเขา(คือ รักษาอวัยวะเพศของพวกเขาให้พ้นจากการทำซินา)

นั่นเป็นการบริสุทธิ์ยิ่ง แก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ

และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่ บรรดามุมินะฮ์ให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ

และให้พวกเธอรักษาอวัยวะเพศ ของพวกเธอ”

(อัน นูร : 31)

      จาก อายะฮ์ได้บัญชาให้ลดสายตาเป็นคำสั่งที่ควบคู่กับการบัญชาให้ปกป้องอวัยวะเพศ เพราะการมองสิ่งหะรอมนั้นมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับการกระทำซินาด้วย อวัยวะเพศ การหมกมุ่นอยู่กับการมองสิ่งหะรอมทั้งที่เป็นเรือนร่างของเพศตรงข้าม หรือผ่านสื่อลามกต่างๆ ที่กำลังแพร่ระบาดในปัจจุบันโดยเฉพาะเว็บไซต์ลามก ซีดีหนังโป๊ หนังสือประเภทกึ่งโป๊ กึ่งเปลือย และจากสื่อไร้จรรยาบรรณต่างๆ ซึ่งเป็นที่วิตกว่าสักวันหนึ่งเขาจะตกอยู่ในกับดักของชัยฏอนขั้นสุดท้าย นั่นคือ การผิดประเวณี(ซินา) การมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส ดังหะดีษความว่า

“ลูกหลานอาดัมทุกคนถูก กำหนดให้มีส่วนในการกระทำซินา เขาจะต้องประสบกับมันอย่างมิต้องสงสัย

ซินาของดวงตาทั้งสองคือการ มอง(สิ่งหะรอม) ซินาของหูทั้งสองข้างคือการรับฟัง(เสียง ที่หะรอม)

ซินาของลิ้นคือการพูดจา(สิ่งหะรอมหรือ ลามกอนาจาร) ซินาของมือด้วยการตบตี ซินาของเท้าด้วยการย่างก้าว(สู่ สถานที่ที่หะรอม)

ในขณะที่หัวใจก็เฝ้าแต่รอจังหวะและคิดคำนึง อวัยวะเพศเท่านั้นที่จะยอมรับหรือปฏิเสธ”

(บันทึกโดยมุสลิม/6925)

      เยาวชนในปัจจุบันพึงสังวรว่า หากสายตาหมกมุ่นกับการดูภาพยนตร์ ชื่นชมสื่อลามก มือได้พยายามค้นหาเว็บไซต์ลามก พูดจาในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องลามก หูได้พยายามรับฟังเสียงพูดของเพศตรงข้าม ท้ายสุด เขาจะปลอดภัยจากหลุมพรางของชัยฏอนด้วยการไม่กระทำซินาได้อย่างไร (ขออัลลอฮ์โปรดคุ้ม ครอง)

นักวิชาการมุสลิมได้กล่าว ถึงอันตรายของการมองสิ่งหะรอมดังนี้

“จงระวังการมองสิ่งที่หะรอม เพราะมันคือเมล็ดพันธุ์ที่บ่มเพาะกามารมณ์ในหัวใจ ซึ่งเป็นการเพียงพอแล้วที่จะสร้างความวิบัติในชีวิต”

“อวัยวะเพศของท่านจะไม่กระทำซิ นา ตราบใดที่ท่านลดสายตาของท่าน”

“การมองสิ่งที่หะรอม เป็นการเพาะพันธุ์ต้นกล้าที่จะกลายเป็นไม้ใหญ่ที่ชั่วช้าที่สุดในอนาคต”

      อวัยวะทุกส่วนของมุสลิม ไม่ได้มีไว้เพื่อสร้างความเดือดร้อนบนผืนแผ่นดิน แต่เขาต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายเพื่อสนับสนุนการทำความดี สรรค์สร้างคุณธรรม เพราะอวัยวะของเขาจะต้องตอบคำถามจากอัลลอฮ์ ในวันกิยามะฮ์ ดังที่อัลกุรอานกล่าวว่า

ความว่า

“แท้จริงหู ตา และหัวใจ ทุกสิ่งเหล่านั้นจะถูกสอบสวน” (อัลอิสรออ์ : 36)

7 การคบเพื่อนที่ดี

      มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่กันเป็นสังคม มีสัมพันธภาพ แวดล้อมด้วยมิตรภาพ ซึ่งส่งผลต่อการดำรงชีวิตตามธรรมชาติของมนุษย์ จากคำสอนว่า " คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล " ยังคงใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย การที่คนหนึ่งอยู่ในสังคมที่มีทั้งคนดีและไม่ดีรวมกัน ย่อมส่งผลต่อเส้นทางเดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากการสังเกตอย่างถี่ถ้วนและมีจิตใจที่เป็นกลาง เราจะพบว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จบนโลกใบนี้ ล้วนมีเพื่อนที่ดีกันทุกคน เพื่อนที่ดีคือ บุคคลซึ่งคอยตักเตือนชี้แนะ คอยนำพาให้พบแต่สิ่งดี ๆ และนำสิ่งดี ๆ มาให้เราเสมอโดยไม่หวังผลตอบแทน การที่จะเป็นคนดีมีคุณธรรมได้ต้องได้รับความดูแลเอา ใจใส่และการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ เพื่อนจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะนำพาเพื่อนให้ถึงฝั่งที่สวยงามด้วยกัน

     คบคนแบบใดย่อมเป็นเช่นคนนั้น คบคนเลวย่อมเลวตาม และคบคนดี ย่อมดีขึ้นในทันที มีศัตรูเป็นบัณฑิต ดีกว่ามีมิตรที่เป็นอันธพาล เพราะการคบเพื่อนเหมือนกับการเริ่มต้นของการเดินทาง การคบเพื่อนที่ไม่ดีเหมือนการเดินทางผิดยิ่งเดินก็ยิ่งผิดทาง เพราะฉะนั้นจึงต้องตั้งต้นเดินใหม่ นั่นคือ การเลือกคบแต่คนดี นะบีมุฮัมมัดได้กล่าวความว่า

“คนๆ หนึ่งจะมีนิสัยใจคอเหมือนกับเพื่อนรักของเขา ดังนั้นท่านจงสังเกตว่าเขาคบใครเป็นเพื่อนรักของเขา (ท่านก็จะทราบนิสัยที่แท้จริงของเขา) “

(บันทึกโดยอัตติรมิซีย์/2552,อะบูดา วูด/4835)

     อิสลามให้ ความสำคัญกับการคบเพื่อนมาก นะบีมุฮัมมัด ได้กล่าวความว่า

“ท่านอย่าคบเพื่อนคนใดคนหนึ่ง เว้นแต่คนนั้นเป็นผู้ศรัทธาเท่านั้น และอย่าให้ใครรับประทานอาหารของท่าน เว้นแต่แก่ผู้ยำเกรงเท่านั้น”

(บันทึกโดยอัตติรมิซีย์/2574,อะบูดาวูด/4834)

     นะบีมุฮัมมัด ได้เปรียบเปรยระหว่าง

“การคบเพื่อนที่ดีกับการคบเพื่อนพาล เสมือนกับที่คนๆ หนึ่งคบเพื่อนที่มีน้ำหอมและเพื่อนที่มีอาชีพตีเหล็ก

การสนิทสนมกับเจ้าของน้ำ หอม บางทีเราอาจซื้อน้ำหอมจากเขา หรือได้รับกลิ่นน้ำหอมจากเขา

แต่การคบเพื่อนซึ่งมีอาชีพ ตีเหล็กนั้น บางครั้งอาจพลาดพลั้งทำให้เสื้อผ้าของเราที่สวมใส่ถูกไฟไหม้จากการเผาเหล็ก หรืออย่างน้อยก็ได้รับกลิ่นเหม็นไหม้จากการเผาเหล็กนั้น”

(บันทึกโดยอัลบุคอรีย์/2101)

      ในชีวิตจริง มีหลายคนที่ตกกระไดพลอยโจนติดร่างแหพร้อมกับเพื่อนที่ไม่ดี ถึงแม้ตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตาม และยังมีหลายคนที่ไม่เพียงแต่เผาไหม้เสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองเท่านั้น แต่จะเผาไหม้ทุกอย่างทั้งอนาคต ชีวิต แม้กระทั่งยอมเผาศาสนาของตนเองเนื่องจาก “เห็น กงจักรเป็นดอกบัว” คือเห็นคน ชั่ว คนพาลเป็นเพื่อนรักนั่นเอง

8 บทบาทของพ่อแม่

      พ่อแม่คือป้อมปราการที่คอยปกป้องลูกมิให้ตกในหลุมดำแห่งชีวิต อิสลามถือว่าลูกๆ คือ อะมานะฮ์ ความรับผิดชอบที่ที่พ่อแม่ต้องแบกภาระไว้ ความบกพร่องของพ่อแม่ต่อการเลี้ยงดูลูก อาจทำให้อนาคตของลูกเกิดความบกพร่องตามไปด้วย ภายใต้ครอบครัวที่ยืนหยัดรักษาศาสนาของอัลลอฮ์ และท่ามกลางบรรยากาศที่ห้อมล้อมไปด้วยความรัก ความเมตตา ความช่วยเหลือและความยำเกรงเท่านั้น สามารถกำเนิดอนุชนที่เป็นความหวังของประชาชาติ สร้างวีรบุรุษและผู้นำ ผู้ปกป้องศักดิ์ศรีของอิสลามและมุสลิมต่อไป

      พ่อแม่บางคน กลายเป็นต้นเหตุแห่งความอัปยศของลูก การไม่เอาใจใส่ดูแลแม้เพียงระยะเวลาเสี้ยวนาที อาจเป็นสาเหตุสำคัญของความล่มสลายของลูกชั่วชีวิต บางครั้งพ่อแม่แสดงความรักแก่ลูกๆด้วยการตามใจ แต่แท้จริงแล้วทั้งสองกำลังลงโทษและผลักไสลูกให้ตกอยู่ในหลุมดำแห่งชีวิต ซึ่งจะทำให้พ่อแม่ต้องพลาดโอกาสจากการรับประโยชน์จากลูกๆ ทั้งในโลกนี้และอาคิเราะฮ์แล้ว ยังทำให้ครอบครัวต้องระทมทุกข์ และถูกหลอกหลอนจากความสูญเสียที่ไม่อาจประเมินได้ การเอาใจและเข้าข้างลูกมากจนเกินไปหรือปล่อยปละละเลย ลูกโดยไม่มีการดูแล เช่นเดียวกับการเข้มงวดกวดขันลูกๆ มากเกินไป ได้กลายเป็นดาบสองคมที่ทำลายชีวิตลูกมามากแล้ว

      นอกจากต้องรู้เท่าทันโลกแล้ว พ่อแม่ยังต้องรู้เท่าทันลูกอีกด้วย ท่านอะลี บินอะบูฏอลิบ ได้กล่าวไว้ความว่า

“จงให้การอบรมบ่มเพาะลูกๆ ของท่านด้วยวิธีการที่แตกต่างจากที่พวกท่านได้รับการอบรมเลี้ยงดู เพราะพวกเขากำเนิดมาท่ามกลางยุคสมัยที่แตกต่างจากยุคสมัยของท่าน”

(ฟัตฮุลเกาะดีร เล่มที่145 หน้า110)

     ในปัจจุบันลูกๆ กำลังตกอยู่ในภาวะอันตรายและไม่มีความปลอดภัย แม้กระทั่งในบ้านตามลำพังหน้าจออินเตอร์เน็ต เพราะชัยฏอนมีประสบการณ์ในการหลอกลวงเป็นล้านๆ ปีกำลังรุมลูกของเราซึ่งมีประสบการณ์ชีวิตบนโลกนี้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น หากไม่ได้รับการกวดขันจากพ่อแม่ด้วยวิธีการที่ถูกต้องแล้ว ลูกจะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะของชัยฏอนทั้งญินและมนุษย์ผ่านของเล่นยุคไซเบอร์ ได้อย่างง่ายดาย สื่ออิเล็กโทรนิกส์ในปัจจุบัน ถึงแม้จะมีคุณประโยชน์เอนกอนันต์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีโทษมหันต์ (ขออัลลอฮ์ทรงคุ้ม ครองลูกๆของพวกเราด้วย)

9 บทบาทของอำนาจรัฐ

      หน้าที่รัฐในทัศนะอิสลามคือ การปกป้องพิทักษ์รักษาศาสนาและการบริหารจัดการสังคม อิสลามประกอบด้วยบทบัญญัติซึ่งประมวลคำสอนและคำสั่งห้ามตลอดจนความเชื่อ ความศรัทธา คำสอนเหล่านี้มีการปกป้องรักษาจากการทำลาย ดังนั้นอิสลามจึงมอบหมายภารกิจนี้แก่ผู้นำซึ่งมีอำนาจปฏิบัติในการใช้กฎหมาย

      การกระทำผิดประเวณี(ซินา)ถือเป็นบาปใหญ่และส่งผลกระทบร้ายแรงทั้งด้านบุคคล ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ ดังนั้นอิสลามจึงวางมาตรการที่เข้มงวดและกำหนดบทลงโทษที่หนักหน่วงสำหรับผู้ กระทำซินา

      การโบยจำนวน 100 ทีและเนรเทศเป็นเวลา 1 ปี สำหรับผู้กระทำซินาที่ยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนผู้กระทำผิดซินาซึ่งแต่งงานแล้ว อิสลามกำหนดบทลงโทษด้วยการ ขว้างปาด้วยก้อนหินจนกระทั่งตาย (ร็อจม์)

      ตามประวัติศาสตร์ นะบีมุฮัมมัด ได้ลงโทษตามบัญญัตินี้ แก่บุคคลสามคนด้วยกัน เป็นบุรุษ 1 คน และสตรี 2 คน ซึ่งทั้งสามคดี ได้มีการลงโทษตามคำสารภาพของผู้กระทำผิดด้วยความบริสุทธิ์ใจทั้งสิ้น และถือเป็นสุดยอดของการสารภาพผิดของประชาชนที่มีต่ออำนาจรัฐ ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เว้นแต่ในสังคมที่เปี่ยมด้วยคุณธรรมและจริยธรรมอัน สูงส่งเท่านั้น

      บทลงโทษอันหนักหน่วงและรุนแรงในอิสลามที่มีต่อผู้กระทำผิดประเวณี เปรียบเสมือนโครงการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ถึงแม้โลกจะรับรู้ถึงพิษภัยของมัน แต่ประเทศทั้งหลายต่างแข่งขันและลงทุนอย่างมหาศาล เพื่อที่จะครอบครอง โดยสร้างความน่าเกรงขามแก่ประเทศคู่อริ และเป็นการประกาศโดยนัยว่าอย่ามายุ่งหรือรังแกกัน แต่เมื่อมีระเบิดนิวเคลียร์แล้ว ผู้นำของประเทศไม่สามารถนำไปใช้ได้ตามอำเภอใจ เมื่อมีเรื่องบาดหมางใจกันระหว่างประเทศ ก็ไม่สามารถกดปุ่มอาวุธนิวเคลียร์เพื่อทำลายล้างได้ทันที ทุกอย่างต้องมีขอบเขตการใช้อำนาจอย่างรอบคอบและรัดกุม จะปฏิบัติโดยพลการไม่ได้

      เช่นเดียวกัน บทลงโทษว่าด้วยการกระทำผิดซินา อิสลามได้กำหนดบทลงโทษอย่างรุนแรงและแข็งกร้าว เพื่อตักเตือนแก่ผู้มีจิตใจโสมมว่า อย่าทำสิ่งชั่วร้ายนี้เป็นอันขาด หากยังดื้อรั้นและถูกจับดำเนินคดีจนสิ้นสุดแล้ว บทลงโทษจากอัลลอฮ์ จะเกิดขึ้น อย่างแน่นอน

      ตราบ ใดที่สังคมยึดมั่นปฏิบัติตามบทบัญญัติของอัลลอฮ์ สังคมนั้นจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข อาชญากรรมจะเบาบางและลดน้อยลง สื่อตะวันตกมักกล่าวร้ายบทบัญญัติอิสลามว่าอยู่ในยุคหิน โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม แต่ในสังคมตะวันตกและสังคมที่คล้อยตามตะวันตกกำลังตกอยู่ในมุมมืด ถูกหลอกหลอนด้วยอาชญากรรมสยองขวัญเนื่องจากการแพร่ระบาดของธุรกิจเซ็กส์เสรี ซึ่งมีสถิติความสูญเสียเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก ยังไม่รวมถึงงบประมาณจำนวนมหาศาลที่รัฐบาลแต่ละประเทศได้ทุ่มเทเพื่อการ รณรงค์ ป้องกันและปราบปรามผลกระทบที่เกิดขึ้นจากธุรกิจเซ็กส์เสรีนี้

ผู้มีสติปัญญาเท่านั้น ที่จะรู้ว่า ระหว่างบทบัญญัติอิสลาม กับลัทธิบูชาอารมณ์ที่นำโดยตะวันตก ใครกันที่ปกป้องรักษาสิทธิมนุษยชนที่แท้จริง


โดย มัสลัน  มาหะมะ

http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=47&id=1638

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).