Loading

 

รอมฎอน ชัยฏอนถูกล่าม

"รอมฎอน" คือเดือนที่เป็นวาระพิเศษและมีความสำคัญมากที่สุดในรอบปี เป็นเดือนแห่งการเพิ่มพูนความดีและลบล้างความผิด เดือนแห่งการอภัยโทษและ ปลดปล่อยจากไฟนรก เดือนที่ประตูสวรรค์ทั้งหมดจะถูกเปิดและประตูนรกทั้งหมดจะถูกปิด เดือนที่เหล่าชัยฏอน มารร้ายจะถูก ล่ามและพันธนาการ เดือนที่มีคืนลัยละ ตุ้ลก้อดรฺ ราตรีแห่งเกียรติยศวึ่งประเสริฐและเลิศกว่า 1,000 เดือน

เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่มี บรรยากาศเหมาะสมที่สุดในการเพิ่มพูนความดี เพราะ "ชันฏอน" ศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์จะถูกพันธนาการ ล่ามด้วยโซ่ตรวน ไม่มีฤทธิ์อำนาจที่จะก่อกวนและล่อลวงมนุษย์ให้หลงผิดทำความชั่วได้ง่ายๆ เหมือนในเดือนอื่นๆ ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัล ลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

????? ????? ??????? ???????? ???? ?????? ????????? ????????? ?????????????? ?????????? ????????

"เมื่อย่างเข้าสู่ราตรีแรกของ รอมฎอน เหล่าชัยฏอนและญินที่เกเรจะถูกล่ามพันธนาการ" (บันทึกโดยอัตติรมีซียฺ และอิบนุมาญะฮฺ)

สารัตถะประการหนึ่งที่ได้รับจากหะดีษบทข้างต้นนี้ คือ นักวิชาการใน กลุ่มอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ ส่วนมากมีความเข้าใจ และเชื่อว่าในเดือนรอมฎอน เหล่าชัยกอนและญินที่เกเรจะถูกล่ามพันธนาการจริง ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ศรัทธากอบโกยตักตวง ความดีได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีชัยฏอนและ ญินที่เกเรเป็นมาร ผจญ ทั้งนี้เนื่องจากสำนวนหะดีษที่รายงานจากท่านร่อซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม ทุกบทใช้คำศัพท์ที่มีความหมายว่า "ถูกล่ามโซ่,ถูกพันธนาการ,ถุกใส่ ตรวนหรือถูกมัดไว้" เช่น

??????????? ?????? ???????? ?????????????? หรือ ????????? ??????????????

มีความหมายว่า "ถูกใส่ตรวน" และคำว่า

???????????? ?????? ?????????????? หรือ ???????????? ??????????????

มีความหมายว่า "ถูกล่ามโซ่" และคำว่า

????????? ?????? ??????????????

มีความหมายว่า "ถูกพันธนาการ และถูกมัดไว้"

ในขณะเดียวกันมีนักวิชาการในกลุ่มอะฮฺลุซซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺอีกจำนวนหนึ่ง ที่เข้าใจและเชื่อว่า ชัยฏอนนั้นมิได้ถูกพันธนาการจริง แต่เป็นการ เปรียบเทียบสภาพเท่านั้น ความหมายของหะดีษจึงสามารถอธิบายได้หลายความเข้าใจ เช่น

(1) ในเดือนรอมฎอนมีการทำความดีมากกว่าเดือนอื่นๆ และความชั่วลดลง มีผู้ได้รับการอภัยโทษและปลดปล่อยจากนรกจำนวนมากตลอดทั้ง เดือน จึงเสมือนได้ว่า ชัยฏอนถูกล่ามไว้ เพราะไม่มีบทบาทอะไรเลยในเดือนรอมฎอน หรือหะดีษจะหมายความว่า

(2) อัลลอฮฺทรงยึดหรือริบฤทธิ์อำนาจต่างๆของชัยฏอนในช่วงเดือนรอมฎอน จนไม่สามารถทำการก่อกวนและล่อลวงผู้ศรัทธาได้ ชัยกอนจึงมี สภาพเหมือนถูกล่ามไว้ ทำอะไรใครไม่ได้เลย หรืออาจอธิบายได้อีกว่า

(3) หะดีษนั้นหมายถึงเฉพาะชัยฏอนระดับหัวหน้าหรือหัวโจกตัวพ่อตัวแม่เท่านั้นที่ ถูกพันธนาการหรือล่ามไว้ ส่วนประเภทลูกสมุนหางแถวนั้น ไม่ได้ถุกล่ามแต่อย่างใด เนื่องจากมีตัวบทหะดีษบางบทระบุไว้เช่นนั้น เช่น หะดีษจากท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ที่กล่าวว่า ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

??????????? ?????? ???????? ??????????????

"และชัยฏอนหัวโจกถูกใส่ตรวนใน เดือนรอมฎอน" (บันทึกโดยอะหมัด)

และหะดีษ

????????? ?????????????? ?????????? ????????

"ชัยฏอนและญินหัวโจกทั้งหลาย จะถูกใส่ตรวน" (บันทึกโดยอัตติรมีซียฺ และอิบนุมาญะฮฺ)

ทรรศนะของนักวิชาการส่วนใหญ่ที่เชื่อและเข้าใจว่า ชัยฏอนและญินที่เกเรนั้นจะถุกพันธนาการจริงนั้นเป็นทรรศนะที่มีน้ำหนักและ ถูกต้อง มากกว่า ท่านอับดุลลอฮฺบินอะหมัดบินฮันกล่าวว่า ข้าพเจ้าเคยสอบถามบิดาของข้าพเจ้าถึงความหมายของหะดีษ

"ชัยฏอนถูกใส่ตรวนในเดือนรอมฎอน" บิดาของข้าพเจ้าตอบว่า "ใช่แล้ว ถูกล่ามจริงๆ" ข้าพเจ้าจึงถามต่อด้วยความสงสัยว่า "แล้วทำไมยังมี คนที่เหมือนกับถูกชัย ฏอนทำให้ไขว้เขวและครอบงำอยู่อีก" บิดาของข้าพเจ้าตอบว่า "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เมื่อหะดีษระบุว่าถูกใส่ตรวนไว้ ก็ต้องเชื่อว่าใส่ตรวนไว้" ดังนั้นในเดือนรอมฎอน ชัยกอนและญินหัวโจกจึงไม่สามารถทำอะไรใครได้ ท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

??????????? ?????? ???????? ?????????????? ????? ??????????? ????? ??? ???????? ???????????? ???????? ??? ????????

"และชัยฏอนหัวโจกทั้งหลายจะ ถูกใส่ตรวน ดังนั้นพวกมันจึงไม่สามารถสำเร็จในสิ่งที่พวกมันเคยทำสำเร็จในเดือนอื่น" (บันทึกโดยอะหมัด)

ส่วนสาเหตุที่ยังมีการทำความชั่วให้พบเห็นได้อย่างดาษดื่นอยู่นั้นจะโทษและ โยนความผิดให้กับชัยฏอนฝ่ายเดียวนั้นไม่ได้ เพราะว่าใน เดือนรอมฎอนนั้น ชัยฏอนและญินหัวโจกทั้งหลายถูกล่ามพันธนาการไว้ ชัยฏอนไม่ใช่สาเหตุและปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดความชั่วขึ้นในเดือน รอมฎอน แต่อาจมีสาเหตุและปัจจัยมาจาก สิ่งต่อไปนี้

(1) มีมนุษย์ที่เป็นสมุนและบริวาร ของชัยฏอน (ชัยฏอนมนุษย์) รับงานของชัยฏอนมาทำต่อในเดือนรอมฎอนคอยล่อลวง,ก่อกวนรังควาน ผู้ศรัทธาให้ไขว้เขว ท่านร่ิอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เคยกล่าวกับท่านอบูซัรรินัลฆิฟารีย์ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่า

??? ????? ????? ????????? ??????? ???? ????? ??????????? ???????? ???????????

"โอ้อบูซัรรฺเอ๋ย ท่านจงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากความชั่วร้ายของชัยฏอนที่เป็นญิน และเป็นมนุษย์เถิด"

อบูซัรรฺถามด้วยความสงสัยว่า "มีชัยฏอนที่เป็นมนุษย์ด้วยหรือครับ?" ท่านร่ิอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตอบว่า "มีสิ" (บันทึกโดยอะหมัด และอันนะ ซาอียฺ) อัลลอฮฺ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงรับสั่งว่า

??????? ?????????? ??? ??????? ???????? ???? ?????????? ??????????

"ที่กระซิบกระซาบในหัวอกของ มนุษย์ จากหมู่ญินและมนุษย์" (ซูเราะฮฺอันนาส อายะฮฺที่ 5-6)

อิหม่ามอัลกุรฏบีย์กล่าวว่า การกระซิบกระซาบของชัยฏอนที่เป็นญินและมนุษย์ คือการเรียกร้องให้เชื่อฟังมันด้วยคำพูดคำชักชวนที่แผ่วเบา ซึ่งเป็นที่เข้าใจ ได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องได้ยินเสียงของผู้ที่กระซิบกระซาบนั้นเลย

(2) นิสัยหรือสันดานเดิมของคนที่ ทำความชั่วเอง ฮาวา(อารมณ์)และนัฟซู(จิตใจ)ที่หมกมุ่นอยู่กับความชั่วจนชินชาเข้าเลือดเข้า กระดูกและ กลายเป็นนิสัย อาจเรียกได้ว่าชั่วจนกลายเป็นสันดาน คนทำความชั่วจนเคยตัวมาตลอดทั้ง 11 เดือน ยากที่จะวางมือและเลิกทำความชั่วแบบ หักดิบได้ในเดือนรอมฎอน อัลลอฮฺทรงรับสั่งว่า

????? ????????? ??????? ????? ????????? ???????????? ?????????? ?????? ??? ?????? ?????? ????? ?????? ??????? ???????

"และฉันไม่อาจทำจิตใจของฉัน ให้สะอาดบริสุทธิ์ตลอดได้ เพราะแท้จริงแล้วจิตใจนั้นคอยแต่จะใช้ (บงการ) แต่ความชั่ว นอกจากที่ พระเจ้าของฉันจะ ทรงเมตตา แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตายิ่ง" (ซูเราะฮฺยูซุฟ อายะฮฺที่ 53)

หัวใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในตัวมนุษย์ หากหัวใจสะอาดและเข้มแข็งก็สามารถเอาชนะได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ถ้าหัวใจสกปรกและอ่อนแอ ก็จะ พ่ายแพ้แก่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง หัวใจวายยังสามารถกู้ให้กลับมาเต้นใหม่ได้อีกครั้งได้ นับประสาอะไรกับหัวใจที่อ่อนแอ ทำไมจะไม่สามารถฝึกให้เข้ม แข็งได้ นับประสาอะไรกับสกปรก ทำไมจะไม่สามารถชำระและขัดเกลาให้สะอาดใหม่ได้ อย่าปล่อยให้สนิมแห่งความชั่วร้ายเกาะกิน,กัดกร่อน หัวใจได้โดยเด็ดขาด การเตาบะฮฺกลับตัวกลับใจและ ละเลิกอย่างแท้จริงจะทำให้จุดดำหรือความสกปรกนั้นหมดไปจากหัวใจ แต่หากทำความผิด และบาปโดยไม่หยุดหย่อน จุดดำและความสกปรกนั้นก็จะเกิดขึ้นที่หัวใจ ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งหัวใจกลายเป็นสีดำทั้งหมด ความดีใด ๆ ก็ไม่ สามารถเข้าสู่หัวใจได้ ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านร่ิอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

????? ????????? ????? ???????? ?????????? ???????? ???? ???????? ???????? ????????? ??????? ???? ?????? ????????????? ??????? ?????? ???????? ?????? ????? ?????? ??????? ?????? ???????? ???????? ?????? ???????? ??????? ?????? ?????

"แน่นอนเมื่อบ่าวคนหนึ่งทำ ความผิดบาป จุดดำจุดหนึ่งจะเกิดขึ้นในหัวใจของเขา เมื่อเขาละเลิกและขออภัยโทษหัวใจของเขา จะกลับมาขาวสะอาด อีกครั้ง แต่หาก เขาย้อนกลับไปทำความผิดบาปเพิ่มขึ้นอีก จุดดำอีกจุดก็จะเกิดเพิ่มขึ้นในหัวใจของเขา จนกระทั่งกลบหัวใจของเขามิด นั่นแหละคือ สนิมร้ายที่ถูกกล่าวในโองการ ของอัลลอฮฺ" (บันทึกโดยอัตติรมีซียฺ)

หากหัวใจเปรียบเสมือนภาชนะหุงต้มใสแวววาว และบาปต่างๆเปรียบเสมือนเขม่าหรือเถ้าจากควันไฟ ดังนั้นหากภาชนะหุงต้มขึ้นตั้งไฟ เมื่อใด ควันไฟและเขม่าที่สกปรกก็จะเริ่มเกาะดำไปเรื่อยๆ หากไม่ขัดถูทำความสะอาดความแวววาวของภาชนะนั้นก็หมดไปด้วย จะเห็นแต่คราบ เขม่าควัน คราบขี้เถ้าที่สกปรกบดบัง ความวาววับของภาชนะ ฉันใดก็ฉันนั้นหัวใจของผู้ศรัทธาก็ต้องมั่นชำระขัดเกลาให้สะอาดอยู่เสมอ ถึงโอกาสแล้วที่เราจะขัดเกลาจิตใจของเราให้สะอาด หลังจากที่ โดนเขม่าโดนขี้เถ้าเกาะมา 11 เดือน อย่าปล่อยให้มันเกาะจนหนาจนกระทั่ง ถูไม่ออก

(3) สภาพแวดล้อม(อัลบีอะ ฮฺ)และเพื่อนฝูง(อัลญะลีสุสซูอฺ)ที่คอยชักจูงไปใน ทางที่ไม่ดี หลายคนยังไม่เลิกพล่ามทั้ง ๆ ที่ชัยฏอนก็ถูกล่าม แล้ว ทั้งนี้อาจเป็นเพราะปัจจัยอื่นๆอีกที่นอกเหนือจากชัยฏอน เช่นอิทธิผลของสภาพแวดล้อมและเพื่อนฝูงรอบข้าง ภาษิตโบราณสอนว่า "คบคนเช่นใดย่อมเป็นคนเช่นนั้นด้วย" ท่านร่ิอซูลุล ลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

????????? ????? ?????? ?????????? ???????????? ?????????? ???? ?????????

"บุรุษหนึ่งย่อมผูกพันกับความ ประพฤติของผู้เป็นสหาย (หมายถึงได้รับอิทธิผล) ดังนั้นคนหนึ่งคนใดจากพวกท่านจงพิจรณาให้ดีว่า เขากำลัง คบหาอยู่กับใคร" (บันทึกโดยอบูดาวุด)

เคยสังเกตุบ้างไหมว่าบางครั้งผู้ถือศีลอดไม่ได้รับอะไรตอบแทนเลยจากการอด อาหาร,อดน้ำเป็นวันๆ นอกจากความหิวกระหายและการ เสียเวลาโดยเปล่า ประโยชน์ ทั้งนี้เป็นเพราะเขาไม่งด,ไม่เลิกจากข้อห้ามต่างๆนั่นเอง ด้วยเหตุนี้เองมีนักวิชาการระดับแนวหน้าหลายท่าน เช่น อิหม่ามอิบนุฮัซมินอัซซอฮิรีย์มีทรรศนะ และความเข้าใจว่า ผู้ถือศีล อดที่ไม่เลิกละจากข้อห้ามต่างๆ (ถือศีลอดแต่ไม่ยอมเลิกโกหก หรือนินทาใส่ร้ายผู้อื่น) การถือศีลอดของเขาผู้นั้นใช้ไม่ได้เลย ต้องถือศีล อดชดเชย (กอฎอฮฺ) เหมือนกรณีของผู้ขาดบวชทั่วๆไป ดังนั้นท่านร่ิอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวเตือนเรื่องนี้ไว้ว่า

??????? ??????? ?????? ???? ???? ????????? ?????? ?????????

"และบางครั้งผู้ถือศีลอดไม่ ได้รับอะไรตอบแทนจากการถือศีลอดของเขาเลย นอกจากความหิวเท่านั้น" (บันทึกโดยอันนะซาอีย์)

ท่านอบูฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานว่า ท่านร่ิอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวอีกว่า

?????? ?????????? ???? ????????? ??????????? ???????? ?????????? ???? ????????? ???????????

"การถือศีลอดไม่ใช่แค่งดกินและงดดื่มเท่านั้น หากแต่การถือศีลอดจริงๆนั้นต้องละเลิกความไร้สาระและความใฝ่ต่ำทั้งหลายด้วย" (บันทึกโดยอัลฮากิม อิบนิหิบบาน และอัลบัยฮากีย์)

และท่านอบีฮุรอยเราะฮฺ ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ รายงานอีกว่า ท่านร่ิอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า

???? ???? ????? ?????? ????????? ??????????? ???? ???????? ???? ??????? ???? ???? ?????? ????????? ???????????

"ผู้ถือศีลอดที่ไม่เลิกคำพูด ที่เป็นเท็จ และการกระทำที่เป็นเท็จ แน่นอนอัลลอฮฺย่อมทรงไม่ประสงค์และปราถนาต่อการงดอาหารงด น้ำของเขาแต่อย่างใด" (บันทึกโดยอะหมัด อัลบุคอรี อบูดาวุด อันนะซาอีย์ และอิบนุมาญะฮฺ)


โดย อ.อับดุลลอฮฺ สุไลหมัด

ที่มา: http://www.warasatussunnah.net/Ramadhan/Chaiton.html

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).