การเตรียมตัวเพื่อความสำเร็จในโลกอาคิเราะฮฺ

พี่น้องผู้ร่วมละหมาดญุมอัตที่เคารพทั้งหลาย
ขอความสันติสุขจงมีแด่พวกเราทุกคนและขอให้เราทุกคนจงตักวาต่ออัลลอฮฺ(ซุบหานะฮุวะตะอาลา) เพื่อว่าพวกเราทุกคนจะได้รับความสำเร็จทั้งดุนยาและอาคิเราะฮฺ ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า

ความว่า พวกเจ้าจงตักวาต่ออัลลอฮฺเถิดเพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับความสำเร็จ(ทั้งดุนยาและอาคิเราะฮฺ (อาล อิมรอน 200)

พี่น้องผู้ร่วมละหมาดญุมอัตที่มีเกียรติทุกท่าน
ถ้าหากเราพินิจพิเคราะห์ถึง วันเวลาที่ผ่านพ้นไปในแต่ละวัน แต่ละเดือน และแต่ละปี จะเห็นได้ว่ามันผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วยิ่งนัก จนกระทั่งบางครั้งทำให้เราลืมไปเลยว่าการที่เรามีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ก็หมายถึงเรากำลังเดินทางเข้าใกล้โลกอาคิเราะฮฺมากขึ้นเท่านั้น ในขณะเดียวกันเราก็กำลังถอยห่างจากโลกดุนยานี้อันเป็นที่รักและห่วงแหนของมนุษย์ส่วนใหญ่ไปอย่างไม่รู้สึกตัวเช่นเดียวกัน วันเวลาที่ผ่านพ้นไปโดยที่ไม่สามารถย้อนมันกลับมาได้นั้น แท้จริงมันเป็นการเตือนสติสำหรับผู้ที่มีสติปัญญาและวิจารณญาณ ดังที่อัลลอฮฺสุบฮานะฮุวะตะอาลาได้ตรัสว่า

ความว่า อัลลอฮ์ทรงให้กลางคืนและกลางวันหมุนเวียนกลับไปกลับมา แท้จริงในลักษณะเช่นนั้น แน่นอนมันเป็นข้อตักเตือนสติแก่ผู้มีวิจารณญาณ (อันนูรฺ 44)

พี่น้องผู้ร่วมศรัทธาทั้งหลาย
ข้อเตือนใจหรือเตือนสติในอายะฮฺข้างต้น หมายถึงว่าวันเวลาที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลานั้นเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าโลกดุนยานี้ไม่ใช่โลกที่จีรังหรือนิรันดร เปรียบเสมือนวงจรชีวิตของมนุษย์ที่เริ่มจากเป็นทารกที่อ่อนแอ แล้วเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแรง หลังจากนั้นก็จะชราภาพลงเป็นคนที่อ่อนแออีกครั้งหนึ่งและในที่สุดความตายก็จะมาครอบงำเขา ดังที่พระองค์ได้ตรัสว่า

ความว่า อัลลอฮ์ทรงเป็นผู้สร้างพวกเจ้าในสภาพอ่อนแอ แล้วหลังจากความอ่อนแอ พระองค์ก็ทรงทำให้มีความแข็งแรงแล้วหลังจากความแข็งแรง พระองค์ก็ทรงทำให้อ่อนแอและชราภาพ พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอานุภาพ (อัร-รูม 54)

พระองค์ตรัสอีกว่า

ความว่า และอาการมึนงงแห่งความตายได้ปรากฏขึ้นอย่างประจักษ์แจ้ง และนั่นคือสิ่งที่เจ้าจะหลีกเลี่ยงจากมันไปไม่ได้ (กอฟ 19)

พี่น้องผู้ร่วมศรัทธาทั้งหลาย
หนึ่งในรุกนอีมานที่ผู้ศรัทธาจะต้องศรัทธาและเชื่อมั่นว่ามันมีจริงและต้องเกิดขึ้นจริง นั่นคือโลกอาคิเราะฮฺ และ ณ อาคิเราะฮฺก็จะมีสถานที่อยู่ ๒ แห่งให้เราเลือกว่าจะพำนักอยู่ ณ ที่ใด ระหว่างสวนสวรรค์กับขุมนรก แต่แน่นอนถ้าหากถามเราในขณะนี้ เวลานี้ เราทุกคนก็ปรารถนาที่จะเข้าสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺกันทั้งนั้น แต่ถ้าหากถามต่ออีกว่าและเราจะเข้าสวรรค์ของอัลลอฮฺด้วยการแลกกับอะไร อามัลอิบาดะฮฺของเราในขณะนี้เพียงพอแล้วหรือยัง คำตอบสำหรับคำถามนี้ก็เป็นเรื่องลำบากที่จะให้คำยืนยันได้ เพราะสวรรค์ของอัลลอฮฺถูกตระเตรียมไว้สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงเมตตาและได้รับการอภัยโทษจากพระองค์เท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามเราก็หวังว่าเราทุกคน ณ ที่นี้จะเป็นส่วนหนึ่งของบรรดาผู้ที่พระองค์ทรงเมตตาและได้รับการอภัยโทษจากพระองค์

พี่น้องผู้ร่วมศรัทธาทั้งหลาย
กับเวลาที่เหลือสำหรับพวกเราทุกคนหลังจากนี้เป็นต้นไป ถือเป็นโอกาสที่อัลลอฮฺทรงประทานให้เราได้ใช้เวลาที่เหลือนี้ในการตระเตรียม ขวนขวาย และแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ทั้งที่เป็นสิ่งที่วาญิบและสุนัต ในขณะเดียวกันก็ละเว้นในสิ่งที่พระองค์ทรงกริ้วทั้งที่เป็นสิ่งที่หะรอมและมักรูฮฺ พร้อมๆกับสำนึกผิดหรือเตาบะฮฺในสิ่งที่เคยผิดพลาดหรือพลาดพลั้งไป โดยไม่ไปกระทำซ้ำอีก อิสติฆฺฟารต่ออัลลอฮฺเพื่อให้พระองค์ทรงอภัยโทษและลบล้างบาปต่างๆเหล่านั้น ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้กำชับให้เราฉกฉวยโอกาสในการทำความดีก่อนที่โอกาสเหล่านั้นจะหมดไป ดังหะดีษบทหนึ่งท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้กล่าวว่า

ความว่า "ท่านจงรีบคว้าโอกาส(ในการทำความดี)ของท่าน ๕ ช่วงเวลาก่อนที่อีก ๕ ช่วงเวลาจะมาถึง นั่นคือ (๑) ช่วงเวลาที่ท่านยังหนุ่มก่อนที่ความชราจะมาเยือนท่าน (๒) ช่วงเวลาที่ท่านมีสุขภาพที่แข็งแรงก่อนที่ความเจ็บป่วยจะมาหาท่าน (๓) ช่วงเวลาที่ท่านรวยก่อนที่ความยากจนจะเกิดขึ้นกับท่าน (๔) ช่วงเวลาที่ท่านมีเวลาว่างก่อนที่งานต่างๆจะมาถาโถมท่าน (๕) และช่วงเวลาที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ก่อนที่ความตายจะมาครอบงำท่าน"

จากหะดีษบทนี้จะเห็นได้ว่ายังมีอีกหลายคนไม่ให้ความสำคัญกับโอกาสที่เขามีอยู่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคนที่อยู่ในวัยหนุ่มวัยฉกรรจ์ย่อมมีโอกาสที่จะทำอิบาดะฮฺได้ดี สมบูรณ์ และมากกว่าคนชราอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับคนที่มีสุขภาพที่แข็งแรงก็จะมีความระตือรือร้นได้ดีกว่าคนที่เจ็บป่วย คนที่มีฐานะดีก็สามารถทำทานบริจาคช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และใช้จ่ายในหนทางของอัลลอฮฺได้มากกว่าคนที่ยากจน คนที่มีเวลาว่างก็สามารถใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ได้มากกว่าคนที่ยุ่งอยู่กับงานอย่างเดียงโดยไม่มีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นได้เลย และช่วงที่มีชีวิตอยู่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายในการเตรียมความพร้อมเพื่ออนาคตที่ดีในโลกอาคิเราะฮฺ เพราะเมื่อความตายมาเยือนก็ถือว่าสิ้นสุดเวลาในการทำอิบาดะฮฺทุกอย่าง หลังจากนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือรอคอยการตัดสินจากอัลลอฮฺ

พี่น้องผู้ร่วมละหมาดญุมอัตที่มีเกียรติทุกท่าน
เหตุผลที่เราจะต้องตระเตรียมอามัลที่ดีเพื่ออนาคตในโลกอาคิเราะฮฺนั้น ก็เพราะว่าโลกอาคิเราะฮฺดีและประเสริฐกว่าโลกดุนยาหลายเท่าและเป็นโลกที่นิรันดร์ อีกทั้งผลตอบแทนของผู้ศรัทธา ผู้ที่ได้รับความเมตตาและการอภัยโทษจากอัลลอฮฺก็ยิ่งใหญ่มหาศาล อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

ความว่า จงดูเถิด ! เราได้ทำให้บางคนในหมู่พวกเขาดีเด่นและประเสริฐกว่าอีกบางคนอย่างไร? และแน่นอนโลกอาคิเราะฮฺนั้นมีฐานะยิ่งใหญ่กว่าหลายชั้น และยิ่งใหญ่กว่าในประเสริฐ (อัล-อิสรออ์ 21)

พระองค์ตรัสอีกว่า

ความว่า หามิได้ แต่พวกเจ้าเลือกเอาการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่างหาก ทั้ง ๆ ที่โลกอาคิเราะฮฺนั้นดีกว่าและจีรังกว่า (อัล-อะอฺลา 16-17)

พี่น้องผู้ร่วมละหมาดญุมอัตที่มีเกียรติทุกท่าน
สถานที่พำนักของบรรดาผู้ศรัทธาในโลกอาคิเราะฮฺก็คือสวนสวรรค์ของอัลลอฮฺ พระองค์ได้ตรัสว่า

ความว่า แท้จริงบรรดาผู้กล่าวว่าอัลลอฮ์คือพระเจ้าของพวกเราแล้วพวกเขาก็ยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น มะลาอิกะฮ์จะลงมาหาพวกเขา (โดยกล่าวกับพวกเขาว่า) พวกท่านอย่าหวาดกลัวและอย่าเศร้าสลดใจแต่จงต้อนรับข่าวดี คือสวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกสัญญาไว้ พวกเราเป็นผู้อารักขาพวกท่านทั้งในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และโลกอาคิเราะฮฺ และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้น จะได้สิ่งที่จิตใจของพวกท่านปรารถนา และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้นจะได้ในสิ่งที่พวกท่านเรียกร้อง เป็นการต้อนรับด้วยความเมตตาจากพระผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ (ฟุศศิลัต 30-32)

ในอีกอายะฮฺหนึ่งพระองค์ตรัสว่า

ความว่า แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและผู้ประกอบความดี พระเจ้าของพวกเขาจะทรงชี้แนะทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา เนื่องด้วยการศรัทธาของพวกเขา ภายใต้พวกเขามีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ซึ่งอยู่ในสวนสวรรค์อันเกษมสำราญ (ยูนุส 9)

และอีกอายะฮฺหนึ่งพระองค์ตรัสว่า

ความว่า สวนสวรรค์ที่พำนักที่พวกเขาจะเข้าไปในนั้น มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ณ เบื้องล่างสำหรับพวกเขาที่อยู่ในนั้นจะได้สิ่งที่ต้องการ ในทำนองนั้น อัลลอฮ์ทรงตอบแทนบรรดาผู้ยำเกรง บรรดาผู้ที่มลาอิกะฮ์เอาชีวิตของพวกเขาโดยที่พวกเขาเป็นคนดี พลางกล่าวว่า ศานติจงมีแด่พวกเจ้า จงเข้าไปในสวนสวรรค์เนื่องจากสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้ (อัน-นะหฺลุ 31-32)

พี่น้องผู้ร่วมละหมาดญุมอัตที่มีเกียรติทุกท่าน
สำหรับสถานที่พำนักของบรรดาผู้ปฏิเสธการอีมานต่ออัลลอฮฺและเราะซูล ผู้ที่อธรรม ผู้ที่ละเลยหรือหันหลังให้กับคำสอนของอิสลาม ก็คือขุมนรก อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

ความว่า แท้จริงบรรดาผู้ที่ไม่หวังจะพบกับเรา และพวกเขาพอใจต่อชีวิตในโลกดุนยา และพวกเขาดีใจต่อมัน และบรรดาผู้ละเลยต่อสัญญาณต่างๆ ของเรา ชนเหล่านั้น ที่พำนักของพวกเขาคือนรก เนื่องด้วยพวกเขาขวนขวายเอาไว้ (ยูนุส 7-8)
ในอีกอายะฮฺหนึ่งพระองค์ตรัสว่า

ความว่า และหากเจ้าได้เห็น ขณะที่บรรดาผู้อธรรมอยู่ในภาวะคับขันแห่งความตาย และมลาอิกะฮ์ กำลังแบมือของพวกเขา (โดยกล่าวว่า) จงให้ชีวิตของพวกท่านออกมา วันนี้พวกท่านจะได้รับการตอบแทน ซึ่งโทษแห่งการต่ำต้อย เนื่องจากที่พวกท่านกล่าวให้ร้ายแก่อัลลอฮ์โดยปราศจากความจริง และเนื่องจากการที่พวกท่านแสดงยโสต่อบรรดาโองการของพระองค์ (อัล-อันอาม 93)

อีกอายะฮฺหนึ่งพระองค์ตรัสว่า

ความว่า และหากว่าเจ้าเห็นขณะที่มลาอิกะฮ์เอาวิญญาณของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาอยู่นั้นพวกเขาจะตีใบหน้าของพวกเขา และหลังของพวกเขา และ (กล่าวว่า) พวกเจ้าจงลิ้มการลงโทษแห่งการเผาไหม้เถิด นั่นก็เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกท่านได้ประกอบไว้ก่อน และแท้จริงอัลลอฮ์นั้นมิใช่ผู้อธรรมแก่บ่าวทั้งหลาย (อัล-อันฟาล 50-51)

และอีกอายะฮฺหนึ่งพระองค์ตรัสว่า

ความว่า แท้จริงบรรดาผู้กระทำความผิด (ผู้ปฏิเสธศรัทธา) นั้นจะอยู่ในการลงโทษในนรกญะฮันนัมตลอดกาล การลงโทษนั้นจะไม่ถูกลดหย่อนแก่พวกเขา และในการลงโทษนั้นพวกเขาเป็นผู้หมดหวัง(บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาที่จมปลักอยู่กับความผิดนั้น จะได้รับการลงโทษอย่างเจ็บปวดอยู่ในนรกญะฮันนัมตลอดกาล พวกเขาจะไม่ตายและจะไม่มีวันออกมาจากนรกนั้นเลย การลงโทษจะไม่ได้รับการลดหย่อนแม้แต่นิดเดียว) และเรามิได้อธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้อธรรมต่อตัวเอง และพวกเขาจะร้องเรียกขึ้นว่า โอ้มาลิก (มะลาอิกะฮฺผู้เป็นยามเฝ้าประตูนรก) โปรดให้พระเจ้าของท่านจัดการให้เราตายเสียเถิด เขา (มาลิก) ก็กล่าวว่า แท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายเป็นผู้พำนักอยู่ในนรกนี้ตลอดไป (อัซ-ซุครุฟ 74-77)

พี่น้องที่มีเกียรติทุกท่าน
เราจะต้องเตรียมพร้อมในทุกๆด้านทั้งอะกีดะฮฺที่ถูกต้อง อิบาดะฮฺที่สมบูรณ์ และจรรยามารยาทที่เป็นเลิศตามสุนนะฮฺท่านนบี(ศ็อลฯ) ตลอดจนการทำหน้าที่ของตัวเองที่ต้องรับผิดชอบให้ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม ทั้งนี้ก็เพื่อความสำเร็จของเราในโลกอาคิเราะฮฺ

โดย อัสมัน แตอาลี อาจารย์ประจำภาควิชาอิสลามศึกษา วอศ. มอ.ปัตตานี