Loading

 

เรื่องราวของท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม

เรื่องราวของท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม

               มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอความสุขความจำเริญและศานติจงประสบแด่ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆสำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์

ในคัมภีร์อัลกุรอานอันมีเกียรติ อัลลอฮฺทรงเล่าเรื่องราวของบรรดานบีและบรรดาเราะสูลไว้มากมาย เพื่อที่เราจะได้นำมาเป็นข้อคิดและบทเรียน และเพื่อให้หัวใจของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม หนักแน่นและสงบนิ่ง เป็นการเพิ่มพลังความศรัทธา เป็นข้อเตือนสติให้บรรดาผู้ศรัทธา และประโยชน์อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ لَقَدۡ كَانَ فِي قَصَصِهِمۡ عِبۡرَةٞ لِّأُوْلِي ٱلۡأَلۡبَٰبِۗ مَا كَانَ حَدِيثٗا يُفۡتَرَىٰ وَلَٰكِن تَصۡدِيقَ ٱلَّذِي بَيۡنَ يَدَيۡهِ وَتَفۡصِيلَ كُلِّ شَيۡءٖ وَهُدٗى وَرَحۡمَةٗ لِّقَوۡمٖ يُؤۡمِنُونَ ١١١ ﴾ [يوسف: ١١٠] 

ความว่า “โดยแน่นอนยิ่ง ในเรื่องราวของพวกเขาเป็นบทเรียนสำหรับบรรดาผู้มีสติปัญญา มิใช่เป็นเรื่องราวที่ถูกปั้นแต่งขึ้น แต่ว่าเป็นการยืนยันความจริงที่อยู่ต่อหน้าเขา และเป็นการแจกแจงทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นการชี้ทางที่ถูกต้อง และเป็นการเมตตาแก่หมู่ชนผู้ศรัทธา” (ยูสุฟ: 111)

และพระองค์ตรัสว่า

﴿ وَكُلّٗا نَّقُصُّ عَلَيۡكَ مِنۡ أَنۢبَآءِ ٱلرُّسُلِ مَا نُثَبِّتُ بِهِۦ فُؤَادَكَۚ وَجَآءَكَ فِي هَٰذِهِ ٱلۡحَقُّ وَمَوۡعِظَةٞ وَذِكۡرَىٰ لِلۡمُؤۡمِنِينَ ١٢٠ ﴾ [هود: ١٢٠] 

ความว่า "และทั้งหมดนี้เราได้บอกเล่าแก่เจ้า จากเรื่องราวของบรรดาเราะสูล เพื่อทำให้จิตใจของเจ้าหนักแน่นและมายังเจ้าแล้วในเรื่องราวเหล่านี้ ซึ่งความจริงและข้อตักเตือน และข้อรำลึกสำหรับผู้ศรัทธาทั้งหลาย” (ฮูด: 120)

และหนึ่งในบรรดาศาสนทูตคือท่านนบียูนุส อะลัยฮิสสลาม ซึ่งอัลลอฮฺทรงเล่าเรื่องราวของท่านในหลายอายะฮฺ พระองค์ตรัสว่า

﴿ فَلَوۡلَا كَانَتۡ قَرۡيَةٌ ءَامَنَتۡ فَنَفَعَهَآ إِيمَٰنُهَآ إِلَّا قَوۡمَ يُونُسَ لَمَّآ ءَامَنُواْ كَشَفۡنَا عَنۡهُمۡ عَذَابَ ٱلۡخِزۡيِ فِي ٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَمَتَّعۡنَٰهُمۡ إِلَىٰ حِينٖ ٩٨ ﴾ [يونس : ٩٨]  ความว่า “ดังนั้น ทำไมจึงไม่มีหมู่บ้านสักแห่งหนึ่งศรัทธา โดยที่การศรัทธาของพวกเขาจะอำนวยประโยชน์แก่พวกเขา นอกจากกลุ่มชนของยูนุสเมื่อพวกเขาศรัทธา เราได้ปลดเปลื้องการลงโทษอันอัปยศจากพวกเขา ในการมีชีวิตในโลกนี้และเราได้ยืดเวลาระยะหนึ่งแก่พวกเขา” (ยูนุส: 98)

อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ وَذَا ٱلنُّونِ إِذ ذَّهَبَ مُغَٰضِبٗا فَظَنَّ أَن لَّن نَّقۡدِرَ عَلَيۡهِ فَنَادَىٰ فِي ٱلظُّلُمَٰتِ أَن لَّآ إِلَٰهَ إِلَّآ أَنتَ سُبۡحَٰنَكَ إِنِّي كُنتُ مِنَ ٱلظَّٰلِمِينَ ٨٧ فَٱسۡتَجَبۡنَا لَهُۥ وَنَجَّيۡنَٰهُ مِنَ ٱلۡغَمِّۚ وَكَذَٰلِكَ نُ‍ۨجِي ٱلۡمُؤۡمِنِينَ ٨٨ ﴾ [الأنبياء: ٨٧-٨٨] 

ความว่า "และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นบียูนุส) เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก แล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม และเช่นเดียวกันนี้ เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา” (อัล-อันบิยาอ์: 87-88)

และพระองค์ตรัสว่า

﴿ وَإِنَّ يُونُسَ لَمِنَ ٱلۡمُرۡسَلِينَ ١٣٩ إِذۡ أَبَقَ إِلَى ٱلۡفُلۡكِ ٱلۡمَشۡحُونِ ١٤٠ فَسَاهَمَ فَكَانَ مِنَ ٱلۡمُدۡحَضِينَ ١٤١ فَٱلۡتَقَمَهُ ٱلۡحُوتُ وَهُوَ مُلِيمٞ ١٤٢ فَلَوۡلَآ أَنَّهُۥ كَانَ مِنَ ٱلۡمُسَبِّحِينَ ١٤٣ لَلَبِثَ فِي بَطۡنِهِۦٓ إِلَىٰ يَوۡمِ يُبۡعَثُونَ ١٤٤ ۞فَنَبَذۡنَٰهُ بِٱلۡعَرَآءِ وَهُوَ سَقِيمٞ ١٤٥ وَأَنۢبَتۡنَا عَلَيۡهِ شَجَرَةٗ مِّن يَقۡطِينٖ ١٤٦ وَأَرۡسَلۡنَٰهُ إِلَىٰ مِاْئَةِ أَلۡفٍ أَوۡ يَزِيدُونَ ١٤٧ فَ‍َٔامَنُواْ فَمَتَّعۡنَٰهُمۡ إِلَىٰ حِينٖ ١٤٨ ﴾ [الصافات : ١٣٩-١٤٨] 

ความว่า "และแท้จริงยูนุสนั้นอยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นเราะสูล จงรำลึกขณะที่เขาได้หนีไปยังเรือที่บรรทุกผู้คนเต็มเพียบ ดังนั้น ยูนุสได้เข้าร่วมจับสลาก แล้วเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกพิชิต (แพ้ในการจับสลาก) แล้วปลาตัวใหญ่ได้กลืนเขา และเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ หากว่าเขามิได้เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้แซ่ซ้องสดุดีแล้ว แน่นอน เขาจะอยู่ในท้องปลาจวบจนกระทั่งวันฟื้นคืนชีพ แล้วเราได้เหวี่ยงเขาขึ้นบนที่โล่งริมฝั่ง ในสภาพที่ป่วย และเราได้ให้มีต้นไม้ (พันธ์ไม้เลื้อย) น้ำเต้างอกเงยขึ้น ปกคลุมตัวเขา และเราได้ส่งเขาไปยัง (หมู่บ้านของเขา) มีจำนวนหนึ่งแสนคนหรือเกินกว่านั้น แล้วพวกเขาก็ศรัทธา ดังนั้นเราจึงปล่อยให้พวกเขามีความสุขสำราญชั่วระยะเวลาหนึ่ง” (อัศศอฟฟาต: 139-148)

นักอรรถาธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า อัลลอฮฺทรงส่งท่าน นบียูนุสไปยังเมือง “นีนะวา” แห่งดินแดนอัล-มูศิล (ในประเทศอิรัก) ท่านเชิญชวนชาวเมืองสู่หนทางของอัลลอฮฺ แต่พวกเขาปฏิเสธ และยืนยันความดื้อดึงปฏิเสธของพวกเขา

เมื่อเวลาผ่านไปเนิ่นนานและพวกเขายังคงเป็นเช่นนั้นอยู่ ท่านจึงออกมาจากเมืองนั้นและขึ้นเรือออกสู่ทะเล ทันใดนั้นเกิดความปั่นป่วนในท้องทะเลคลื่นใหญ่โหมใส่พวกเขา เรือเริ่มหนักและพวกเขาเกือบจะจม พวกเขาจึงปรึกษากันให้มีการจับสลาก โดยชื่อใดที่ถูกจับได้พวกเขาจะโยนผู้นั้นลงจากเรือเพื่อที่เรือจะได้เบาขึ้น

เมื่อพวกเขาจับสลาก ปรากฏว่าจับได้ชื่อของท่านนบียูนุส แต่พวกเขาไม่อยากที่จะโยนท่านลงทะเล จึงเริ่มจับสลากใหม่อีกครั้ง สลากถูกจับขึ้นมาเป็นชื่อของท่านเช่นเดิม ท่านเตรียมตัวถอดเสื้อเพื่อกระโดดลงทะเล แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะให้ท่านทำเช่นนั้น จึงเริ่มจับสลากเป็นครั้งที่สาม ชื่อของท่านก็ถูกจับขึ้นมาอีกครั้ง เป็นความประสงค์ของอัลลอฮฺที่จะให้มีเรื่องราวอันยิ่งใหญ่เกิดขึ้นกับท่าน

อัลลอฮฺทรงส่งปลาใหญ่ตัวใหญ่จากท้องทะเลมากลืนท่าน โดยทรงสั่งไม่ให้มันกินเนื้อหรือหักกระดูกของท่าน เพราะท่านไม่ใช่อาหารของมัน ปลาใหญ่จึงนำท่านไปสู่ท้องทะเล

เมื่อท่านนบียูนุสหยุดนิ่งอยู่ในท้องปลาใหญ่ ท่านคิดว่าท่านเสียชีวิตแล้ว แต่เมื่อลองขยับตัว ร่างกายก็ขยับได้ ท่านรู้ทันทีว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจึงรีบก้มสุญูดต่ออัลลอฮฺ แล้วกล่าวว่า “โอ้ พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ได้เคารพสักการะพระองค์ ณ สถานที่ซึ่งไม่มีผู้ใดเคารพสักการะพระองค์เสมอเหมือนข้าพระองค์ได้”

เมื่อเป็นเช่นนั้น อัลลอฮฺจึงทรงสั่งให้ปลาใหญ่คายท่านไว้ ณ ผืนดินที่ปราศจากมนุษย์ ต้นไม้ หรือร่มเงา ในสภาพที่ท่านป่วย เนื่องด้วยท่านอยู่ในท้องปลาใหญ่เป็นเวลานานจนกระทั่งท่านเหมือนกับลูกนกเกิดใหม่ที่ไร้ขน

แล้วอัลลอฮฺก็ทรงบันดาลให้ต้นไม้งอกเงยเป็นร่มเงาอันร่มเย็นให้แก่ท่าน พระองค์ทรงเมตตาท่าน และส่งท่านกลับไปยังหมู่บ้านของท่านที่มีประชากรจำนวนแสนกว่าคน ท่านเริ่มเชิญชวนพวกเขาสู่ทางของอัลลฮฺอีกครั้ง พวกเขาก็ศรัทธา การศรัทธาของชาวบ้านจึงกลายเป็นความดีในตราชั่งของท่าน ทั้งนี้ อัลลอฮฺทรงระงับการลงโทษพวกเขา ทั้งที่มีมูลเหตุของการถูกลงโทษเกิดขึ้นแล้ว

บทเรียนบางส่วนที่ได้รับจากเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่นี้

หนึ่ง เมื่อมีความทุกข์ยากย่อมมีทางออก และหลังความยากลำบากย่อมมีความง่ายดาย อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ وَذَا ٱلنُّونِ إِذ ذَّهَبَ مُغَٰضِبٗا فَظَنَّ أَن لَّن نَّقۡدِرَ عَلَيۡهِ فَنَادَىٰ فِي ٱلظُّلُمَٰتِ أَن لَّآ إِلَٰهَ إِلَّآ أَنتَ سُبۡحَٰنَكَ إِنِّي كُنتُ مِنَ ٱلظَّٰلِمِينَ ٨٧ فَٱسۡتَجَبۡنَا لَهُۥ وَنَجَّيۡنَٰهُ مِنَ ٱلۡغَمِّۚ وَكَذَٰلِكَ نُ‍ۨجِي ٱلۡمُؤۡمِنِينَ ٨٨ ﴾ [الأنبياء: ٨٧- ٨٨] 

ความว่า "และจงรำลึกถึงเรื่องราวของซันนูน (นบียูนุส) เมื่อเขาจากไปด้วยความโกรธพรรคพวกของเขา แล้วเขาคิดว่าเราจะไม่ทำให้เขาได้รับความลำบาก แล้วเขาก็ร้องเรียนท่านกลางความมืดทึบทะมึนว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ท่าน มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน แท้จริงข้าพระองค์เป็นผู้หนึ่งในหมู่ผู้อธรรมทั้งหลาย ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม และเช่นเดียวกันนี้ เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา” (อัล-อันบิยาอ์: 87-88)

นักอรรถาธิบายอัลกุรอานกล่าวว่า ความมืดที่ว่านี้มีสามชั้นคือ ความมืดของทะเล ความมืดของกลางคืน และความมืดขณะอยู่ในท้องปลาใหญ่

อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ فَإِنَّ مَعَ ٱلۡعُسۡرِ يُسۡرًا ٥ إِنَّ مَعَ ٱلۡعُسۡرِ يُسۡرٗا ٦ ﴾ [الشرح: ٥،  ٦] 

ความว่า “แท้จริงความยากลำบากจะมาพร้อมกับความง่ายดาย แท้จริงความยากลำบากจะมาพร้อมกับความง่ายดาย” (อัชชัรหฺ: 5-6)

นักกวีกล่าวว่า

    ولَرُبَّ نازلةٍ يَضِيقُ بِها الفتى          ذرعاً      وَعنــدَ اللهِ مِنــها المــخْرَجُ

    ضَاقتْ فلمَّا اسْتَحْكَمَتْ حَلَقَاتُها        فُرِجَتْ وَكُنتُ أظُنُّها لا تُفْرَجُ

บางทีทุกข์ภัยที่ประสบ อาจทำให้เราอับจนหนทาง

แต่อัลลอฮฺทรงมีทางออกให้

ทุกข์ภัยนั้นอาจบีบคั้นกดดัน กระทั่งเมื่อถึงเวลาที่กำหนด

มันก็คลี่คลาย ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราเคยคิดว่าหมดสิ้นหนทางแล้ว

สอง ความยำเกรงต่ออัลลอฮฺเป็นหนทางสู่การรอดพ้นในโลกนี้และโลกหน้า อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ فَلَوۡلَآ أَنَّهُۥ كَانَ مِنَ ٱلۡمُسَبِّحِينَ ١٤٣ لَلَبِثَ فِي بَطۡنِهِۦٓ إِلَىٰ يَوۡمِ يُبۡعَثُونَ ١٤٤ ﴾ [الصافات : ١٤٣-١٤٤] 

ความว่า “หากว่าเขามิได้เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้แซ่ซ้องสดุดีแล้ว แน่นอน เขาจะอยู่ในท้องปลาจวบจนกระทั่งวันฟื้นคืนชีพ” (อัศศอฟฟาต: 143-144)

อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ وَمَن يَتَّقِ ٱللَّهَ يَجۡعَل لَّهُۥ مَخۡرَجٗا ٢ وَيَرۡزُقۡهُ مِنۡ حَيۡثُ لَا يَحۡتَسِبُۚ ﴾ [الطلاق : ٢-٣] 

ความว่า "และผู้ใดยำเกรงอัลลอฮฺ พระองค์ก็จะทรงหาทางออกให้แก่เขา และจะทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่เขาจากที่ที่เขามิได้คาดคิด” (อัฏเฏาะลาก: 2-3)

และพระองค์ตรัสว่า

﴿ ثُمَّ نُنَجِّي ٱلَّذِينَ ٱتَّقَواْ وَّنَذَرُ ٱلظَّٰلِمِينَ فِيهَا جِثِيّٗا ٧٢ ﴾ [مريم: ٧٢] 

ความว่า “แล้วเราจะให้บรรดาผู้ยำเกรงรอดพ้น แล้วเราจะปล่อยให้บรรดาผู้อธรรมคุกเข่าอยู่ในนั้น” (มัรยัม: 72)

สาม อัลลอฮฺทรงตอบรับดุอาอ์ของผู้ศรัทธา ดังจะเห็นว่าเมื่อท่านนบียูนุสวิงวอนขอและพึ่งพิงไปยังพระเจ้าของท่าน พระองค์ก็ทรงปลดปล่อยท่านจากความทุกข์ อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ فَٱسۡتَجَبۡنَا لَهُۥ وَنَجَّيۡنَٰهُ مِنَ ٱلۡغَمِّۚ وَكَذَٰلِكَ نُ‍ۨجِي ٱلۡمُؤۡمِنِينَ ٨٨ ﴾ [الأنبياء: ٨٨] 

ความว่า “ดังนั้นเราได้ตอบรับการร้องเรียนของเขาและเราได้ช่วยให้เขารอดพ้นจากความทุกข์ระทม และเช่นเดียวกันนี้เราช่วยบรรดาผู้ศรัทธา” (อัล-อันบิยาอ์: 88)

และพระองค์ตรัสว่า

﴿ أَمَّن يُجِيبُ ٱلۡمُضۡطَرَّ إِذَا دَعَاهُ وَيَكۡشِفُ ٱلسُّوٓءَ ...٦٢ ﴾ [النمل: 62] 

ความว่า "หรือผู้ใดเล่าจะตอบรับผู้ร้องทุกข์ เมื่อเขาวิงวอนขอต่อพระองค์ และทรงปลดเปลื้องความชั่วร้ายนั้น” (อัน-นัมล์: 62)

จากท่านสะอัด บิน อบีวักกอศ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า ท่านเราะสูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

« دَعْوَةُ ذِي النُّونِ إِذْ دَعَا وَهُوَ فِي بَطْنِ الحُوتِ: لاَ إِلَهَ إِلاَّ أَنْتَ سُبْحَانَكَ إِنِّي كُنْتُ مِنَ الظَّالِمِينَ، فَإِنَّهُ لَمْ يَدْعُ بِهَا رَجُلٌ مُسْلِمٌ فِي شَيْءٍ قَطُّ إِلاَّ اسْتَجَابَ اللَّهُ لَهُ » [رواه الترمذي في سننه برقم 3505 ]

ความว่า "คำวิงวอนขอของซุนนูน (นบียูนุส) ขณะที่ท่านอยู่ในท้องปลาใหญ่คือ: ‘ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ แท้จริงข้าพระองค์อยู่ในหมู่ผู้อธรรม’ แท้จริงไม่มีมุสลิมคนใดที่วิงวอนเช่นนี้ นอกเสียจากอัลลอฮฺจะทรงตอบรับคำขอของเขา” (บันทึกโดย อัต-ติรมีซีย์ ในสุนันของท่าน เลขหะดีษ 3505)

สี่ อัลลอฮฺทรงอ่อนโยนต่อบ่าวของท่าน ดังจะเห็นว่าท่านนบียูนุสนั้น เมื่อปลาใหญ่คายท่านไว้บนหาดในขณะที่ท่านป่วย อัลลอฮฺทรงให้ต้นไม้งอกเงยขึ้นเพื่อช่วยเหลือท่านนักวิชาการบางท่านกล่าวว่าต้นไม้ดังกล่าวคือต้นฟักทอง ใบมันนิ่มและมีร่มเงากว้าง ผลกินได้ตั้งแต่เริ่มออกผลจนถึงวาระของมัน กินได้ทั้งสดและด้วยการปรุง กินได้ทั้งเปลือกและเมล็ด

ห้า เดชานุภาพและความสามารถของอัลลอฮฺตะอาลานั้นไม่มีที่สิ้นสุด อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ إِنَّمَآ أَمۡرُهُۥٓ إِذَآ أَرَادَ شَيۡ‍ًٔا أَن يَقُولَ لَهُۥ كُن فَيَكُونُ ٨٢ ﴾ [يس: ٨٢] 

ความว่า "แท้จริงพระบัญชาของพระองค์ เมื่อทรงประสงค์สิ่งใด พระองค์ก็จะตรัสแก่มันว่า ‘จงเป็น’ แล้วมันก็จะเป็นขึ้นมา” (ยาสีน: 82)

พระองค์คือผู้ทรงบัญชาปลาใหญ่ไม่ให้กินเนื้อและไม่ให้หักบดเคี้ยวกระดูกของท่านนบียูนุส

หก แท้จริงผู้ศรัทธาอาจจะถูกลงโทษในโลกนี้ เพราะความผิดของเขา อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ مَن يَعۡمَلۡ سُوٓءٗا يُجۡزَ بِهِۦ ﴾ [النساء: ١٢٣] 

ความว่า “ผู้ใดที่กระทำไม่ดีเขาก็ถูกตอบแทนด้วยความไม่ดีนั้น” (อัน-นิสาอ์: 123)

 

และพระองค์ตรัสว่า

﴿ وَمَآ أَصَٰبَكُم مِّن مُّصِيبَةٖ فَبِمَا كَسَبَتۡ أَيۡدِيكُمۡ وَيَعۡفُواْ عَن كَثِيرٖ ٣٠ ﴾ [الشورى: ٣٠] 

ความว่า "และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้ และพระองค์ทรงอภัยความผิดให้) มากต่อมากแล้ว)” (อัชชูรอ: 30)

 

 

....................................................

แปลโดย : อัฟนาน เพ็ชรทองคำ

ตรวจทานโดย : อัสรัน นิยมเดชา

คัดลอกจาก  http://IslamHouse.com/443547

 

 

 

 

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).