Loading

 

ข้อคิดจากสูเราะฮฺฟุศศิลัต อายะฮฺที่ 30-32 ว่าด้วยอิสติกอมะฮฺ

ข้อคิดจากสูเราะฮฺฟุศศิลัต

อายะฮฺที่ 30-32 ว่าด้วยอิสติกอมะฮฺ

 

มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ ขอการสรรเสริญและความศานติจงประสบแด่ศาสนทูตของพระองค์ ฉันขอปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺเพียงองค์เดียว ไม่มีภาคีใดๆ สำหรับพระองค์ และฉันขอปฏิญาณว่ามุหัมมัดเป็นบ่าวของอัลลอฮฺและเป็นศาสนทูตของพระองค์

            อัลลอฮฺทรงประทานอัลกุรอานลงมาเพื่อให้เราได้ครุ่นคิดและปฏิบัติตาม ดังที่พระองค์ตรัสว่า

﴿ أَفَلَا يَتَدَبَّرُونَ ٱلۡقُرۡءَانَ أَمۡ عَلَىٰ قُلُوبٍ  أَقۡفَالُهَآ ٢٤ ﴾ [محمد : ٢٤] 

ความว่า “พวกเขามิได้พิจารณาใคร่ครวญอัลกุรอานดอกหรือ? แต่ว่าบนหัวใจของพวกเขามีกุญแจหลายดอกลั่นอยู่” (มุหัมมัด: 24)

 

            และเพื่อเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เราควรจะรับฟังอีกหนึ่งอายะฮฺเพื่อที่เราจะได้พิจารณาถึงหลักคำสอนและบทเรียนต่างๆ  อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ إِنَّ ٱلَّذِينَ قَالُواْ رَبُّنَا ٱللَّهُ ثُمَّ ٱسۡتَقَٰمُواْ تَتَنَزَّلُ عَلَيۡهِمُ ٱلۡمَلَٰٓئِكَةُ أَلَّا تَخَافُواْ وَلَا تَحۡزَنُواْ وَأَبۡشِرُواْ بِٱلۡجَنَّةِ ٱلَّتِي كُنتُمۡ تُوعَدُونَ ٣٠ نَحۡنُ أَوۡلِيَآؤُكُمۡ فِي ٱلۡحَيَوٰةِ ٱلدُّنۡيَا وَفِي ٱلۡأٓخِرَةِۖ وَلَكُمۡ فِيهَا مَا تَشۡتَهِيٓ أَنفُسُكُمۡ وَلَكُمۡ فِيهَا مَا تَدَّعُونَ ٣١ نُزُلٗا مِّنۡ غَفُورٖ رَّحِيمٖ ٣٢ ﴾ [فصلت: ٣٠-٣٢] 

ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้กล่าวว่าอัลลอฮฺคือพระเจ้าของพวกเรา แล้วพวกเขาก็ยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น มลาอิกะฮฺจะลงมาหาพวกเขา (โดยกล่าวกับพวกเขาว่า) พวกท่านอย่าหวาดกลัวและอย่าเศร้าสลดใจ แต่จงต้อนรับข่าวดีคือสวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกสัญญาไว้ พวกเราเป็นผู้อารักขาพวกท่านทั้งในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และปรโลก และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้นจะได้สิ่งที่จิตใจของพวกท่านปรารถนา และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้นจะได้ในสิ่งที่พวกท่านเรียกร้องเป็นการต้อนรับด้วยความเมตตาจากพระผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ” (ฟุศศิลัต: 30-32)

            1) คำตรัสของพระองค์ที่ว่า “แท้จริงบรรดาผู้กล่าวว่า อัลลอฮฺคือพระเจ้าของพวกเราแล้วพวกเขาก็ยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น” ท่านอิบนุกะษีร กล่าวว่า "หมายถึงการกระทำที่บริสุทธิ์ใจต่อพระองค์อัลลอฮฺ และจงรักภักดีต่อสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสั่งใช้" (ตัฟสีรอิบนุกะษีร 12/234)

            อัซซุฮรียฺ กล่าวว่า "ท่านอุมัรได้อ่านอายะฮฺนี้บนมินบัร แล้วท่านก็กล่าวว่า: พวกท่านทั้งหลานจงยึดมั่นในการทำความดี ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ สำหรับพระองค์นั้นคือการจงรักภักดี" (ตัฟสีรอิบนุกะษีร 12/235)

            สุฟยาน บิน อับดุลลอฮฺ อัษษะเกาะฟียฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ กล่าวว่า "ฉันได้ถามท่านเราะสูลว่า โอ้ท่านเราะสูลุลลอฮฺ จงบอกฉันเกี่ยวกับอิสลาม ในสิ่งที่ฉันจะไม่ต้องถามผู้ใดอีกนอกจากท่าน" ท่านตอบว่า

«قُلْ آمَنْتُ بِاللهِ فَاسْتَقِمْ» [مسلم برقم 38]

ความว่า “จงกล่าวเถิดว่า ฉันนั้นได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้ว ดังนั้นท่านจงยืนหยัดยึดมั่นในการทำความดี” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษเลขที่ 38)

            และบ่าวผู้หนึ่งจะไม่สามารถอยู่ในหนทางแห่งการยืนหยัดในความดีได้ นอกเสียจากว่าความต้องการของเขา การงานของเขา และคำพูดของเขานั้นจะต้องตรงกับแนวทางที่อัลลอฮฺและเราะสูลของพระองค์ได้บัญญัติไว้ อัลลอฮฺ ตรัสว่า

﴿ فَٱسۡتَقِمۡ كَمَآ أُمِرۡتَ وَمَن تَابَ مَعَكَ ١١٢ ﴾ [هود: ١١٢] 

ความว่า “เจ้าจงอยู่ในความเที่ยงธรรมเช่นที่ถูกบัญชา และผู้ที่ขอลุโทษแก่เจ้า” (ฮูด: 112)

            จะเห็นว่าพระองค์ตรัสว่า ”เช่นที่ถูกบัญชา” มิได้ตรัสว่า "ดังที่เจ้าต้องการ” ดังนั้น ผู้ที่ได้รับการชี้นำที่แท้จริงคือผู้ที่มีความยืนหยัดอยู่บนแนวทางที่เที่ยงตรง อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ أَفَمَن يَمۡشِي مُكِبًّا عَلَىٰ وَجۡهِهِۦٓ أَهۡدَىٰٓ أَمَّن يَمۡشِي سَوِيًّا عَلَىٰ صِرَٰطٖ مُّسۡتَقِيمٖ ٢٢ ﴾ [الملك: ٢٢] 

ความว่า “ผู้ที่เดินคว่ำคะมำบนใบหน้าของเขาจะเป็นผู้ที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องกว่า หรือว่าผู้ที่เดินตัวตรงอยู่บนแนวทางที่เที่ยงตรง?” (อัล-มุลก์: 22)

2) ที่พระองค์ตรัสว่า "มลาอิกะฮฺจะลงมาหาพวกเขา” หมายถึงขณะที่พวกเขาเสียชีวิต โดยมลาอิกะฮฺเหล่านั้นจะกล่าวแก่พวกเขาว่า "พวกท่านอย่าหวาดกลัว" คือพวกท่านอย่าได้หวาดกลัวในสิ่งที่กำลังจะมาถึงในโลกอาคิเราะฮฺ แม้ว่าโลกอาคิเราะฮฺนั้นจะมีความน่าสะพรึงกลัวตั้งแต่เริ่มต้นจากหลุมฝังศพ ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกในโลกอาคิเราะฮฺ โดยในหลุมศพนั้นมีทั้งความมืดมิดและความน่ากลัว รวมทั้งการเป่าวิญญาณ การถูกให้ฟื้นคืนชีพและนำไปรวมตัวกัน ณ ลานกว้างในวันกิยามะฮฺ การข้ามสะพานศิรอฏ ตราชั่งคุณความดีความชั่ว  ทุกๆสิ่งที่กล่าวมานี้ล้วนมีความน่าสะพรึงกลัวทั้งสิ้น แต่พระองค์อัลลอฮฺจะทรงทำให้มันเป็นสิ่งที่ง่ายดายแก่บรรดาผู้ที่ยึดมั่นยืนหยัดในการทำความดี

            คำตรัสของพระองค์ที่ว่า “และอย่าเศร้าสลดใจ” คืออย่าได้เศร้าเสียใจในสิ่งที่ท่านได้ละทิ้งไว้เบื้องหลังในโลกดุนยาไม่ว่าจะเป็นลูกหลาน ครอบครัว ทรัพย์สินเงินทอง หรือหนี้สิน แท้จริงเราจะเป็นผู้ดูแลสิ่งเหล่านั้นแทนท่านเอง

          3) ที่พระองค์ตรัสว่า “แต่จงต้อนรับข่าวดี คือสวนสวรรค์ซึ่งพวกเจ้าได้ถูกสัญญาไว้”

            เป็นการแจ้งข่าวดีแก่พวกเขาว่าความชั่วร้ายทั้งหลายจะหมดสิ้นไปจากพวกเขา และพวกเขาจะได้รับแต่ความดีงาม

            ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

«إِنَّ الَميِّتَ تَحْضُرُهُ المَلَائِكَةُ ، فَإِذَا كاَنَ الرَّجُلُ الصَّالِحُ قَالُوْا : اخْرُجِيْ أَيَّتُهَا النَّفْسُ الطَّيِّبَةُ كاَنَتْ فِي الجَسَدِ الطَّيِّبِ ، اخْرُجِيْ حَمِيْدَةً ، وَأَبْشِرِيْ بِرَوْحٍ وَرَيْحَانٍ ، وَرَبٍّ غَيْرِ غَضْبَانَ» [أحمد في المسند برقم 8769]

ความว่า “แท้จริงผู้ที่เสียชีวิตทุกคนนั้นจะมีมลาอิกะฮฺมาหาพวกเขา หากว่าผู้นั้นเป็นคนดี มลาอิกะฮฺก็จะกล่าวแก่เขาว่า วิญญาณที่ดีงามเอ๋ย จงออกมาจากร่างกายที่ดีงามเถิด จงออกมาด้วยความน่าสรรเสริญ จงรับข่าวดีว่าเจ้าจะได้รับการตอบแทนด้วยสวรรค์อันรื่นรมย์และหอมบริสุทธิ์ โดยไม่เป็นที่โกรธเคืองของพระเจ้าของท่าน” (บันทึกโดยอิหม่ามอะหฺมัด หะดีษเลขที่ 8769)

            ท่านอิบนุอบีหาติม ได้บันทึกจากสายรายงานของท่านถึงท่านษาบิต ว่าท่านได้อ่านสูเราะฮฺอัสสัจญดะฮฺ จนกระทั่งถึงอายะฮฺที่ว่า

﴿ إِنَّ ٱلَّذِينَ قَالُواْ رَبُّنَا ٱللَّهُ ثُمَّ ٱسۡتَقَٰمُواْ تَتَنَزَّلُ عَلَيۡهِمُ ٱلۡمَلَٰٓئِكَةُ ﴾

ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้กล่าวว่าอัลลอฮฺคือ พระเจ้าของพวกเราแล้วพวกเขาก็ยืนหยัดตามคำกล่าวนั้น มลาอิกะฮฺจะลงมาหาพวกเขา” ท่านก็หยุดและกล่าวว่า "เราทราบมาว่า ในวันที่พระองค์อัลลอฮฺทรงให้บ่าวผู้ศรัทธาของพระองค์ฟื้นคืนชีพจากหลุมศพนั้น เขาจะได้พบกับมลาอิกะฮฺสองท่านที่เคยติดตามเขาในโลกดุนยา โดยทั้งสองจะกล่าวแก่เขาว่า: 'ท่านจงอย่าได้เกรงกลัวหรือรู้สึกเศร้าใจ' แล้วพระองค์อัลลอฮฺจะทรงทำให้เขาคลายความกลัวและมีความสบายใจ ดังนั้น ไม่ว่าผู้คนจะหวาดผวาต่อความน่าสะพรึงกลัวในวันกิยามะฮฺสักเพียงใด แต่สำหรับมุอ์มินผู้ศรัทธาแล้ว จะมีแต่ความสุขสบายใจ ด้วยความเมตตาของอัลลอฮฺ และความดีงามที่เขาเคยกระทำในโลกดุนยา" (อิบนุกะษีรฺระบุในตัฟสีรของท่าน 12/236-237 ว่าเป็นรายงานซึ่งบันทึกโดยอิบนุอบีหาติม)

            ท่านอิบนุมัสอูด กล่าวว่า "เมื่อมลาอิกะฮฺแห่งความตายมาเพื่อรับวิญญาณของมุอ์มินผู้ศรัทธา ท่านจะกล่าวแก่เขาว่า: แท้จริงพระเจ้าของท่านนั้นฝากสลามมาถึงท่าน" มุหัมมัด บิน กะอฺบ์ กล่าวว่า "มลาอิกะฮฺแห่งความตายจะกล่าวแก่มุอฺมินผู้ศรัทธาว่า: ขอความสันติสุขจงประสบแด่ท่าน โอ้ผู้เป็นที่รักของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺทรงฝากสลามถึงท่าน" หลังจากนั้นท่านอ่านคำตรัสของพระองค์ที่ว่า

﴿ ٱلَّذِينَ تَتَوَفَّىٰهُمُ ٱلۡمَلَٰٓئِكَةُ طَيِّبِينَ يَقُولُونَ سَلَٰمٌ عَلَيۡكُمُ ٱدۡخُلُواْ ٱلۡجَنَّةَ بِمَا كُنتُمۡ تَعۡمَلُونَ ٣٢ ﴾ [النحل: ٣٢] 

ความว่า “บรรดาผู้ที่มลาอิกะฮฺเอาชีวิตของพวกเขาโดยที่พวกเขาเป็นคนดี พลางกล่าวว่า: ศานติจงมีแด่พวกเจ้า จงเข้าไปในสวนสวรรค์เนื่องจากสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้” (อันนะหฺล์: 32)

            ท่านเซด บิน อัสลัม กล่าวว่า "ผู้ศรัทธาจะได้รับการแจ้งข่าวดีขณะที่เขาเสียชีวิต ขณะอยู่ในหลุมศพ และขณะที่เขาถูกฟื้นคืนชีพ" อิบนุกะษีรกล่าวว่า "ทัศนะนี้นั้นครอบคลุมทุกๆทัศนะที่กล่าวมาทั้งหมด ซึ่งถือเป็นทัศนะที่ดีมากและมีความถูกต้อง" (ตัฟสีรอิบนุกะษีร 12/237)

            4) คำตรัสของพระองค์ที่ว่า “พวกเราเป็นผู้อารักขาพวกท่านทั้งในการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้และปรโลก” กล่าวคือ มลาอิกะฮฺจะกล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาขณะที่พวกเขากำลังจะเสียชีวิตว่า: "พวกเราได้เคยเป็นบุคคลที่อยู่ใกล้ชิดกับพวกท่านในโลกดุนยา คอยช่วยเหลือและปกป้องพวกท่านตามคำสั่งใช้ของอัลลอฮฺ และพวกเราก็จะอยู่กับท่านในอาคิเราะฮฺอีกเช่นกัน เพื่อคอยปลอบโยนพวกท่านจากความน่าสะพรึงกลัวในหลุมศพ และขณะเป่าวิญญาณ อีกทั้งยังคอยให้ความคุ้มครองพวกท่านในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ และขณะที่พวกท่านข้ามสะพานศิรอฏุลมุสตะกีม และคอยส่งพวกท่านสู่สรวงสวรรค์" อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ إِنَّ ٱلَّذِينَ سَبَقَتۡ لَهُم مِّنَّا ٱلۡحُسۡنَىٰٓ أُوْلَٰٓئِكَ عَنۡهَا مُبۡعَدُونَ ١٠١ لَا يَسۡمَعُونَ حَسِيسَهَاۖ وَهُمۡ فِي مَا ٱشۡتَهَتۡ أَنفُسُهُمۡ خَٰلِدُونَ ١٠٢ لَا يَحۡزُنُهُمُ ٱلۡفَزَعُ ٱلۡأَكۡبَرُ وَتَتَلَقَّىٰهُمُ ٱلۡمَلَٰٓئِكَةُ هَٰذَا يَوۡمُكُمُ ٱلَّذِي كُنتُمۡ تُوعَدُونَ ١٠٣ ﴾ [الأنبياء: ١٠١ -   ١٠٣] 

ความว่า “แท้จริงบรรดาผู้ที่ความดีจากเราได้ประสบแก่พวกเขามาก่อนนั้น ชนเหล่านั้นเป็นผู้ที่อยู่ห่างไกลจากมัน พวกเขาจะไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแผ่วเบาของมัน และพวกเขาจะอยู่ในสวนสวรรค์อย่างถาวรตามที่จิตใจของพวกเขาปรารถนา ความตื่นตระหนกอันยิ่งใหญ่จะไม่ทำให้พวกเขาเศร้าโศก และมลาอิกะฮฺจะพบพวกเขาแล้วกล่าวว่า: นี่คือวันของพวกท่านซึ่งพวกท่านได้ถูกสัญญาไว้” (อัล-อันบิยาอ์: 101-103)

          5) และที่พระองค์ตรัสว่า "และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้น จะได้สิ่งที่จิตใจของพวกท่านปรารถนา และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้นจะได้ในสิ่งที่พวกท่านเรียกร้อง" คือในสวนสวรรค์พวกท่านจะได้พบเจอกับทุกสิ่งที่พวกท่านปรารถนาและสิ่งที่พวกท่านรักใคร่ ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสว่า

﴿ يَٰعِبَادِ لَا خَوۡفٌ عَلَيۡكُمُ ٱلۡيَوۡمَ وَلَآ أَنتُمۡ تَحۡزَنُونَ ٦٨ ٱلَّذِينَ ءَامَنُواْ بِ‍َٔايَٰتِنَا وَكَانُواْ مُسۡلِمِينَ ٦٩ ٱدۡخُلُواْ ٱلۡجَنَّةَ أَنتُمۡ وَأَزۡوَٰجُكُمۡ تُحۡبَرُونَ ٧٠ يُطَافُ عَلَيۡهِم بِصِحَافٖ مِّن ذَهَبٖ وَأَكۡوَابٖۖ وَفِيهَا مَا تَشۡتَهِيهِ ٱلۡأَنفُسُ وَتَلَذُّ ٱلۡأَعۡيُنُۖ وَأَنتُمۡ فِيهَا خَٰلِدُونَ ٧١ ﴾ [الزخرف: ٦٨-٧١] 

ความว่า “โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย ไม่มีความหวาดกลัวอันใดแก่พวกเจ้าในวันนี้ และพวกเจ้ามิต้องเศร้าสลดใจ บรรดาผู้ศรัทธาต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา และพวกเขาเป็นผู้นอบน้อม พวกเจ้าจงเข้าไปในสวนสวรรค์ ทั้งตัวของพวกเจ้าและคู่ครองของพวกเจ้าอย่างแช่มชื่นแจ่มใส จะมีจานทำด้วยทองคำและแก้วน้ำถูกนำมาเวียนรอบๆ พวกเขา และในสวนสวรรค์นั้น จะมีสิ่งที่จิตใจของพวกเขาต้องการ และสายตาของพวกเขาชื่นชมยินดี และพวกเจ้าจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล” (อัซซูครุฟ: 68-71)

ส่วนที่พระองค์ตรัสว่า “และสำหรับพวกท่านในสวนสวรรค์นั้นจะได้ในสิ่งที่พวกท่านเรียกร้อง” คือ สิ่งใดที่พวกท่านต้องการพวกท่านก็จะได้รับ ทุกสิ่งทุกอย่างจะมาอยู่ในมือพวกท่านตามที่พวกท่านเลือกสรร

6) ที่พระองค์ตรัสว่า “เป็นการต้อนรับด้วยความเมตตาจากพระผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ” คือ การต้อนรับ การได้รับความโปรดปราน และการอภัยโทษแก่บาปของพวกท่าน ท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

«قَالَ اللهُ : أَعْدَدْتُ لِعِبَادِي الصَّالِحِيْنَ مَالَا عَيْنٌ رَأَتْ ، وَلَا أُذُنٌ سَمِعَتْ ، وَلَا خَطَرَ عَلَى قَلْبِ بَشَرٍ » [البخاري برقم 3244، ومسلم برقم 2824]

ความว่า “อัลลอฮฺ ตะอาลาตรัสว่า: สำหรับบรรดาบ่าวของข้าที่เป็นผู้มีคุณธรรม ข้าได้เตรียมไว้แล้วสำหรับพวกเขา ในสิ่งที่สายตาของคนทั่วไปไม่เคยพบเห็น สิ่งที่หูไม่เคยได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจคาดคิดได้” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 3244 และมุสลิม 2824)

และพวกท่านลองอ่านคำตรัสของอัลลอฮฺที่ว่า

﴿ فَلَا تَعۡلَمُ نَفۡسٞ مَّآ أُخۡفِيَ لَهُم مِّن قُرَّةِ أَعۡيُنٖ جَزَآءَۢ بِمَا كَانُواْ يَعۡمَلُونَ ١٧ ﴾ [السجدة : ١٧]

ความว่า “ดังนั้น จึงไม่มีชีวิตใดรู้สิ่งที่ถูกซ่อนไว้สำหรับพวกเขา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตา  เป็นการตอบแทนในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้” (อัสสัจญดะฮฺ: 17)

 

สิ่งที่ได้รับจากอายะฮฺต่างๆข้างต้น:

1. การศรัทธาและการยืนหยัดมั่นคงในการทำความดีเป็นสาเหตุให้ได้เข้าสวรรค์

2. บรรดามลาอิกะฮฺจะแจ้งข่าวดีแก่บ่าวผู้ศรัทธาขณะที่เขากำลังจะเสียชีวิต ในหลุมศพ ในวันกิยามะฮฺ และ ณ ประตูสวรรค์ ดังที่อัลลอฮฺ ตรัสว่า

﴿ جَنَّٰتُ عَدۡنٖ يَدۡخُلُونَهَا وَمَن صَلَحَ مِنۡ ءَابَآئِهِمۡ وَأَزۡوَٰجِهِمۡ وَذُرِّيَّٰتِهِمۡۖ وَٱلۡمَلَٰٓئِكَةُ يَدۡخُلُونَ عَلَيۡهِم مِّن كُلِّ بَابٖ ٢٣ سَلَٰمٌ عَلَيۡكُم بِمَا صَبَرۡتُمۡۚ فَنِعۡمَ عُقۡبَى ٱلدَّارِ ٢٤ ﴾ [الرعد: ٢٣-٢٤] 

ความว่า “สวนสวรรค์ทั้งหลายอันสถาพร พวกเขาจะเข้าไปอยู่พร้อมกับผู้ทำดีจากบรรพบุรุษของพวกเขา และคู่ครองของพวกเขา และบรรดาลูกหลานของพวกเขา และมลาอิกะฮจะเข้ามาหาพวกเขาจากทุกประตู (ของสวนสวรรค์) พร้อมกับกล่าวว่า: ศานติจงมีแต่พวกท่าน เนื่องด้วยพวกท่านได้อดทน มันช่างดีเสียนี่กระไรที่พำนักบั้นปลายนี้” (อัล-เราะอฺด์: 23-24)

3. ผู้ที่ประพฤติดีนั้นสมควรอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการแจ้งข่าวดี ถึงผลบุญตอบแทนที่เขาพึงได้รับ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่เขา ดังที่อัลลอฮฺ ตรัสว่า

﴿ وَبَشِّرِ ٱلۡمُؤۡمِنِينَ ٢٢٣ ﴾ [البقرة: ٢٢٣]

ความว่า “จงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายเถิด” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ: 223)

4. บรรดาผู้ศรัทธาที่ได้เข้าสวรรค์นั้น ก็ด้วยความเมตตาและความโปรดปรานของพระองค์อัลลอฮฺตะอาลา มิใช่เพียงเพราะการงานของเขา ดังหะดีษของท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เล่าว่า ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

«سَدِّدُوْا وَقَارِبُوْا، وَأَبْشِرُوْا ، فَإِنَّهُ لَايُدْخِلُ أَحَدًا الجَنَّةَ عَمَلُهُ» قَالُوا : وَلَا أَنْتَ يَارَسُوْلَ اللهِ؟ قَالَ : «وَلَا أَنَا إِلَّا أَنْ يَتَغَمَّدَنِيَ اللهُ بِمَغْفِرَةٍ وَرَحْمَةٍ» [البخاري برقم 2818، مسلم برقم 6467] 

ความว่า “พวกท่านจงปฏิบัติคุณงามความดี และให้มีความสม่ำเสมอ (แม้การงานนั้นจะน้อยนิด) และจงแจ้งข่าวดีกัน แท้จริงไม่มีบุคคลใดที่จะได้เข้าสวรรค์ด้วยกับการงานของเขา” มีคนถามท่านเราะสูลว่า “แม้แต่ท่านกระนั้นหรือ?” ท่านตอบว่า “ใช่ นอกเสียจากว่าอัลลอฮฺจะทรงให้ฉันตายลงในสภาพที่ฉันได้รับความเมตตาและความโปรดปรานของพระองค์” (บันทึกโดยอัล-บุคอรียฺ หะดีษเลขที่ 2818 และมุสลิม 6467)

5. บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อได้เข้าไปอยู่ในสวรรค์แล้ว จะได้รับทุกสิ่งที่ต้องการ และมากกว่าที่พวกเขาต้องการเสียอีก ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า

﴿ لَهُم مَّا يَشَآءُونَ فِيهَا وَلَدَيۡنَا مَزِيدٞ ٣٥ ﴾ [ق: ٣٥] 

ความว่า “สำหรับพวกเขาจะได้รับสิ่งที่พวกเขาพึงประสงค์ในสวนสวรรค์ และ ณ ที่เรานั้นยังมีอีกมากมาย” (กอฟ: 35)

และตรัสอีกว่า

﴿ ۞لِّلَّذِينَ أَحۡسَنُواْ ٱلۡحُسۡنَىٰ وَزِيَادَةٞۖ  ٢٦ ﴾ [يونس : ٢٦] 

ความว่า “สำหรับบรรดาผู้กระทำความดี จะได้รับความดี และได้เพิ่มขึ้นอีก” (ยูนุส: 26)

 

..........................................

แปลโดย : อุศนา พ่วงศิริ

ตรวจทานโดย : อัสรัน นิยมเดชา

คัดลอกจาก  http://IslamHouse.com/407464

 

 

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).