Loading

 

การเก็บของตกหล่น

การเก็บของตกหล่น

 

รายงานจากไซยด์ อิบนุคอลิด อัลญุฮะนีย์ รอฏิยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า 

 มีคนถามท่านเราะซูลลุลลอฮ์  เกี่ยวกับสิ่งของตกหล่นที่เป็นทองคำหรือเงิน ท่านกล่าวว่า

        "ท่านจงจำที่ผูกของมัน และภาชนะของมัน หลังจากนั้นท่านจงประกาศแจ้งของหายเป็นเวลาหนึ่งปี หากไม่ทราบว่าเป็นของใคร ท่านก็เอามันไปใช้ประโยชน์ได้ และให้ถือว่ามันเป็นของฝากอยู่ในการดูแลของท่าน หากว่าเจ้าของของมันมาขอคืนในวันหนึ่งวันใด ท่านก็จงส่งมันคืนให้เขาไป"

 

และได้มีผู้ถามท่านเราะซูลลุลลอฮ์  เกี่ยวกับอูฐที่พลัดหลง ท่านกล่าวว่า

"ท่านก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ปล่อยมันไป เพราะว่ามันมีรองเท้า และที่กักเก็บน้ำของมัน มันจะไปหาน้ำ หรือกินต้นไม้ จนกว่าเจ้าของของมันจะมาพบมัน"

 และได้มีผู้ถามท่านเกี่ยวกับแพะ ท่านก็กล่าวว่า

"ท่านจงเอามันไป แท้ที่จริงมันเป็นของท่าน เป็นของพี่น้องของท่าน หรือเป็นของหมาป่า"

 

คำอธิบาย

 

       มีชายคนหนึ่งได้ถามท่านนบี  เกี่ยวกับข้อชี้ขาดของทรัพย์สินที่หลุดหายจากเจ้าของ อันประกอบไปด้วย ทอง เงิน อูฐ แพะและแกะ ซึ่งท่านนบี ก็ได้แจกแจงเกี่ยวกับข้อชี้ขาดของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพื่อที่จะได้เป็นตัวอย่างกับสิ่งที่มีความคล้ายคลึงกัน จากทรัพย์สินที่หลุดหาย ซึ่งอยู่ในข้อชี้ขาดเดียวกัน

         ท่านได้กล่าวเกี่ยวกับทองคำและเงินว่า ท่านจงจำที่ผูกของมัน และภาชนะที่ถูกใส่ไว้ เพื่อจะจำแนกระหว่างทรัพย์สินของท่าน และทดสอบผู้ที่อ้างเป็นเจ้าของ ด้วยความรู้ของท่านที่มีอยู่ หากว่าการให้ลักษณะของเขา ตรงกับสิ่งนั้น ท่านก็จงคืนมันให้แก่เขา หากไม่ตรงแล้ว ก็แน่ชัดว่าการอ้างของเขาไม่เป็นความจริง และให้ประกาศสิ่งที่หาย เป็นเวลาหนึ่งปี หลังจากที่เก็บมันมาได้

        การประกาศของหายให้ทราบนั้น ให้กระทำในที่ที่มีผู้คนมารวมตัวกัน เช่นที่ตลาด มัสญิด สถานที่ชุมนุมต่างๆ และที่ที่เก็บของหล่นมา หลังจากนั้นอนุญาต(ให้ประกาศ 1 ปี และไม่พบเจ้าของ)ให้นำมาใช้ประโยชน์ได้ และถ้าเจ้าของมาถามหาในวันหนึ่งวันใดก็ให้คืนเจ้าของไป

 

        ส่วนอูฐหลงและอื่นๆ ที่มันสามารถปกป้องตัวของมันได้ ท่านได้ห้ามไม่ให้ไปเก็บมา เนื่องจากไม่มีความจำเป็นที่จะไปเก็บมา เพราะโดยธรรมชาติของอูฐ มันสามารถดูแลรักษาตัวของมันเองได้ ให้พ้นจากสัตว์ดุร้าย มันมีเท้าที่ใช้ตัดระยะทางต่างๆ มีคอที่กินหญ้าและน้ำได้  มีกระเพาะที่เก็บอาหารได้ ซึ่งสามารถใช้ดูแลรักษาตัวของมันเอง จนกว่าจะได้กลับไปพบกับเจ้้าของ ที่เขาจะตามหามันในสถานที่ที่พลัดหลง

 

        ส่วนแพะ แกะ และอื่นๆ ที่มีขนาดเล็กได้หลุดหายไป ในกรณีนี้ให้เอากลับมาเก็บรักษา เพื่อไม่ให้ประสบกับความหายนะ หรือเป็นเหยื่อของสัตว์ดุร้าย หลังจากที่จับไปแล้ว ถ้าเจ้าของตามหาก็ให้คืนกลับไป หรือถ้าประกาศ 1 ปี แล้วไม่มีเจ้าของ ก็ให้ตกเป็นของผู้ที่พบเจอ

 สิ่งที่ได้จากหะดิษ

         1. ใครที่พบทรัพย์สินหลุดหายจากเจ้าของ ไม่เป็นที่ต้องห้ามในการดูแลรักษาของนั้น และให้เอามันมาโดยมีเจตจำนงในการเก็บรักษา เพื่อให้พ้นจากความหายนะ 

         2. ให้ผู้พบของจำที่ผูก ภาชนะ ประเภท เพื่อจำแนกแยกแยะออกจากทรัพย์สินของเขา และให้รูจักลักษณะต่างๆ เพื่อทดสอบผู้ที่อ้างการเป็นเจ้าของ ซึ่งต้องรักษาให้สมบูรณ์เพื่อการส่งคืนให้กับเจ้าของ

         3. ประกาศให้ทราบเป็นเวลา 1ปีในที่ชุมชน เช่น มัสญิด ตลาด หรือที่ที่เจอของหาย เพราะเป็นสถานที่ที่เจ้าของจะตามหา และแจ้งให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองทราบ และในยุคปัจจุบัน มีการประกาศทางหนังสือพิมพ์ วิทยุ

        4. เมื่อประกาศครบ 1 ปีก็สามารถนำของนั้นไปใช้ประโยชน์ได้ และถ้าเจ้าของมาขอคืน ให้ชดเชยด้วยสิ่งที่เหมือนกัน หรือเทียบเท่าราคาของนั้นถ้าหากเป็นสิ่งที่ตีราคาได้

        5. หากเจ้าของมาตามคืน ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแล้ว และเขาสามารถบอกรูปร่างได้ ก็ให้ส่งคืนเจ้าของ   การบอกลักษณะที่ถูกต้องเป็นสิ่งเพียงพอในการเป็นหลักฐาน โดยไม่ต้องมีพยานและการสาบาน เพราะการให้ลักษณะ คือ หลักฐานของทุกสิ่ง ที่ทำให้ความจริงกระจ่าง ชัดเจน ถือว่าเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว กฏอันนี้เป็นกฏทั่วไปในทุกทรัพย์สิน ที่มีคนหนึ่งคนใดมาอ้างความเป็นเจ้าของ ในขณะที่ไม่มีคนหนึ่งคนใดมาคัดค้าน และเป็นการเพียงพอต่อการบอกถึงลักษณะของมัน

         6. ส่วนอูฐ และสัตว์ที่สามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยกำลังของมันเอง การวิ่ง การบิน ก็ไม่เป็นที่อนุญาตในการที่จะเก็บเอามันมา เพราะว่าโดยธรรมชาติ การสร้างของอัลลอฮ์ จะมีสิ่งที่ปกปักรักษา ปกป้องและคุ้มครองมัน แต่ทว่าหากไปพบเจอในที่ที่อันตราย ให้ส่งคืนด้วยจุดมุ่งหมาย การช่วยเหลือ ไม่ใช่การเก็บของหลุดหาย

         7. ส่วนแพะแกะ หลังจากที่เก็บมาได้แล้ว ให้ปฏิบัติต่อมันด้วยการปฏิบัติที่ดีที่สุด โดยให้อาหารกิน หรือขายมัน และเก็บจำนวนเงินที่ขายได้ให้เท่ากับเวลาของการประกาศของหลุดหาย(1ปี) เพราะการปล่อยมันไว้ จะเป็นการทำให้มันต้องประสบกับสัตว์ที่ดุร้าย และหากเจ้าของมาขอคืน ก็ให้คืนแก่เจ้าของไป หากเจ้าของไม่มาขอคืน มันก็เป็นของผู้เจอมัน

 .................................................................... 

ถอดความโดย สมอเอก

วารสารสันติสุขสาร มูลนิธิชีนำสู่สันติสุข

คัดลอกจาก http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&category=6&id=3410

 

 

Maintained by: e-Daiyah Group (1429 H - 2008).